ทำเนียบรัฐบาล--1 ก.พ.--รอยเตอร์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 เรื่อง การใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ หรือที่ดินอันเป็นศาสนสมบัติกลางหรือของวัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังนำที่ราชพัสดุ จำนวน 3 แปลง ไปจัดประโยชน์โดยการเปิดประมูลจัดให้เอกชนเช่าตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบฯ ดังนี้
1. ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชม. 40 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ (1 กุมภาพันธ์ 2537) ให้การเคหะแห่งชาติก่อสร้างบ้านพัก เพื่อรองรับนักกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 18 นั้น ขณะนี้การก่อสร้างอาคารตามโครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่ายังคงเหลืออาคารบางส่วน เช่น อาคารอำนวยการ อาคารบริการ อาคารโรงอาหาร และพื้นที่ว่างรอบบริเวณเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่เศษ ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะนำมาใช้ในราชการและทางราชการไม่มีงบประมาณในการดูแลอาคารและพื้นที่ดังกล่าว กรมธนารักษ์จึงเห็นสมควรนำที่ราชพัสดุดังกล่าวมาเปิดประมูลเพื่อหารายได้ โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประมูลได้รับภาระค่าใช้จ่ายส่วนกลางในพื้นที่ส่วนที่เป็นบ้านพักข้าราชการ อันได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัย ค่าไฟฟ้า น้ำประปา เป็นต้น
2. อาคารราชพัสดุ 6 ชั้น เลขที่ 123 (อาคารลูน่า) ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 302589ซอยสุขุมวิท 7 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ 0-0-53.7 ไร่ ซึ่งกรมสรรพากรส่งคืนให้แก่กรมธนารักษ์ เนื่องจากได้ย้ายไปอยู่สถานที่แห่งใหม่แล้ว ขณะนี้อาคารยังว่างเปล่าและไม่เหมาะสมใช้เป็นที่ทำการของส่วนราชการเพราะไม่มีที่จอดรถยนต์ จึงสมควรนำอาคารมาเปิดประมูลจัดให้เอกชนเช่าเพื่อประกอบการพาณิชย์ซึ่งไม่มีปัญหาการจราจร เพราะไม่มีการปลูกสร้างอาคารขึ้นใหม่แต่อย่างใด หากปล่อยทิ้งไว้ก็มีแต่จะทรุดโทรมและมีภาระในการดูแล บำรุง รักษาอาคารต่อไป
3. ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขโฉนดที่ 614 (บางส่วน) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ25-2-71 ไร่ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของกรมการบินพาณิชย์ใช้ประโยชน์เป็นที่ปักเสาอากาศ เดิมกรมธนารักษ์ได้จัดให้เอกชนเช่าเพื่อเป็นสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ ขณะนี้สัญญาเช่าเดิมได้สิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่ปี 2540 และกรมการบินพาณิชย์ยังไม่มีโครงการที่จะใช้ประโยชน์ในทางราชการ กรมธนารักษ์และกรมการบินพาณิชย์จึงเห็นชอบร่วมกันในการนำที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าวมาเปิดประมูลจัดให้เช่าเพื่อเป็นสนามฝึกซ้อมกอล์ฟต่อไป เป็นการชั่วคราว มีกำหนด 3 ปี จนกว่าจะมีความจำเป็นนำที่ดินกลับมาใช้ประโยชน์ในราชการอีก
อนึ่ง มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 คือ เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) งดเว้นการดำเนินการนำที่ราชพัสดุไปจัดหาประโยชน์ไม่ว่าจะโดยวิธีการประมูลขายหรือแลกเปลี่ยน หรือประมูลให้เอกชนเช่าเพื่อประกอบการพาณิชย์ไว้ชั่วคราวก่อน และควรให้นำที่ราชพัสดุไปใช้ในการจัดสร้างสวนสาธารณะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน รวมทั้งให้นำไปใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม อย่างไรก็ดี หากมีความจำเป็นจะต้องนำที่ราชพัสดุแปลงใดไปใช้ประโยชน์โดยไม่สอดคล้องกับข้อเสนอดังกล่าว ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2543--
คณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 เรื่อง การใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ หรือที่ดินอันเป็นศาสนสมบัติกลางหรือของวัด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังนำที่ราชพัสดุ จำนวน 3 แปลง ไปจัดประโยชน์โดยการเปิดประมูลจัดให้เอกชนเช่าตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบฯ ดังนี้
1. ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชม. 40 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ (1 กุมภาพันธ์ 2537) ให้การเคหะแห่งชาติก่อสร้างบ้านพัก เพื่อรองรับนักกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 18 นั้น ขณะนี้การก่อสร้างอาคารตามโครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ปรากฏว่ายังคงเหลืออาคารบางส่วน เช่น อาคารอำนวยการ อาคารบริการ อาคารโรงอาหาร และพื้นที่ว่างรอบบริเวณเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่เศษ ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะนำมาใช้ในราชการและทางราชการไม่มีงบประมาณในการดูแลอาคารและพื้นที่ดังกล่าว กรมธนารักษ์จึงเห็นสมควรนำที่ราชพัสดุดังกล่าวมาเปิดประมูลเพื่อหารายได้ โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประมูลได้รับภาระค่าใช้จ่ายส่วนกลางในพื้นที่ส่วนที่เป็นบ้านพักข้าราชการ อันได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัย ค่าไฟฟ้า น้ำประปา เป็นต้น
2. อาคารราชพัสดุ 6 ชั้น เลขที่ 123 (อาคารลูน่า) ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 302589ซอยสุขุมวิท 7 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ 0-0-53.7 ไร่ ซึ่งกรมสรรพากรส่งคืนให้แก่กรมธนารักษ์ เนื่องจากได้ย้ายไปอยู่สถานที่แห่งใหม่แล้ว ขณะนี้อาคารยังว่างเปล่าและไม่เหมาะสมใช้เป็นที่ทำการของส่วนราชการเพราะไม่มีที่จอดรถยนต์ จึงสมควรนำอาคารมาเปิดประมูลจัดให้เอกชนเช่าเพื่อประกอบการพาณิชย์ซึ่งไม่มีปัญหาการจราจร เพราะไม่มีการปลูกสร้างอาคารขึ้นใหม่แต่อย่างใด หากปล่อยทิ้งไว้ก็มีแต่จะทรุดโทรมและมีภาระในการดูแล บำรุง รักษาอาคารต่อไป
3. ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขโฉนดที่ 614 (บางส่วน) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ25-2-71 ไร่ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของกรมการบินพาณิชย์ใช้ประโยชน์เป็นที่ปักเสาอากาศ เดิมกรมธนารักษ์ได้จัดให้เอกชนเช่าเพื่อเป็นสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ ขณะนี้สัญญาเช่าเดิมได้สิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่ปี 2540 และกรมการบินพาณิชย์ยังไม่มีโครงการที่จะใช้ประโยชน์ในทางราชการ กรมธนารักษ์และกรมการบินพาณิชย์จึงเห็นชอบร่วมกันในการนำที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าวมาเปิดประมูลจัดให้เช่าเพื่อเป็นสนามฝึกซ้อมกอล์ฟต่อไป เป็นการชั่วคราว มีกำหนด 3 ปี จนกว่าจะมีความจำเป็นนำที่ดินกลับมาใช้ประโยชน์ในราชการอีก
อนึ่ง มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 คือ เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) งดเว้นการดำเนินการนำที่ราชพัสดุไปจัดหาประโยชน์ไม่ว่าจะโดยวิธีการประมูลขายหรือแลกเปลี่ยน หรือประมูลให้เอกชนเช่าเพื่อประกอบการพาณิชย์ไว้ชั่วคราวก่อน และควรให้นำที่ราชพัสดุไปใช้ในการจัดสร้างสวนสาธารณะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน รวมทั้งให้นำไปใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม อย่างไรก็ดี หากมีความจำเป็นจะต้องนำที่ราชพัสดุแปลงใดไปใช้ประโยชน์โดยไม่สอดคล้องกับข้อเสนอดังกล่าว ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2543--