คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ที่ประสบธรณีพิบัติโดยกระทรวงการคลังตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวมีทั้งที่เป็นมาตรการเร่งด่วนด้านการเงิน ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ การร่วมลงทุน ภาษีและค่าธรรมเนียม และมาตรการฟื้นฟูที่ครอบคลุมทุกด้านในระยะยาว ได้แก่ การจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน โดยสรุปสาระสำคัญและความคืบหน้า ดังนี้
1. การให้สินเชื่อ (ณ วันที่ 23 มีนาคม 2548)
1.1 การให้สินเชื่อโดยสถาบันการเงินของรัฐ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อไปแล้วจำนวน 9,101 ราย หรือร้อยละ 90 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด คิดเป็นเงินที่อนุมัติแล้ว 18,087.84 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.16 ของวงเงินที่ยื่นคำขอ
1.2 สำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้อนุมัติวงเงินไปแล้ว 721 ราย หรือร้อยละ 39.51 ของผู้ที่ขอความช่วยเหลือทั้งหมด คิดเป็นวงเงิน 360.94 ล้านบาท หรือร้อยละ 40.69 ของวงเงินที่ยื่นขอส่วนที่เหลือเป็นผู้กู้ใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำสัญญากู้และจะได้รับเงินเมื่อเปิดเทอม
1.3 ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนให้กับสถาบันการเงินเพื่อนำไปปล่อยกู้กับลูกค้าแล้ว 2,290 ราย คิดเป็นวงเงิน 47,391.85 ล้านบาท จากวงเงินรวมที่เตรียมไว้ 48,000 ล้านบาท
2. การร่วมลงทุนโดยกองทุนร่วมลงทุน (ณ วันที่ 23 มีนาคม 2548)
มีการอนุมัติร่วมลงทุนแล้ว 20 ราย หรือร้อยละ 16.39 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด คิดเป็นวงเงิน 1,706 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.21 ของวงเงินที่ยื่นคำขอ โดยส่วนที่ยังไม่ได้อนุมัติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลตามหลักการ ก่อนดำเนินการต่อไป
การให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อและการร่วมลงทุนข้างต้น โดยเฉพาะกับธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว มีการอนุมัติเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถประเมินความเสียหายและวงเงินที่ต้องการกู้ยืม พร้อมทั้งจัดเตรียมเอกสารประกอบได้ถูกต้องครบถ้วนขึ้น ประกอบกับนโยบายด้านจัดการที่ดินและสิ่งแวดล้อม มีความชัดเจนในรายละเอียด และมีการสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ประกอบการกับหน่วยงานภาครัฐ ทำให้สถาบันการเงินสามารถพิจารณาอนุมัติให้ความช่วยเหลือได้มากขึ้น อย่างไรก็ดีหากผู้ประกอบการรายใดมีปัญหาในลักษณะเฉพาะจะพิจารณาแก้ปัญหาเป็นรายกรณีต่อไป
3. มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม ตามที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 มีมติเห็นชอบให้ดำเนินมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม สามารถสรุปสถานะล่าสุด ณ วันที่ 25 มีนาคม 2548 ดังนี้
3.1 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมที่มีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ การหักผลเสียหายในทรัพย์สินเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ การขยายกำหนดเวลายื่นแบบแสดงภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และการเสียภาษีของผู้เสียภาษีและผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ใน 6 จังหวัด
3.2 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป ได้แก่
3.2.1 การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ผู้ประสบภัย 6 จังหวัดภาคใต้ สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ.2547 และการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินบริจาคให้แก่ส่วนราชการ อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3.2.2 การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินบริจาคให้แก่ส่วนราชการโดยผ่านเอกชน อยู่ระหว่างตรวจร่างกฎกระทรวงโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
3.2.3 การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดินอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อออกประกาศ
3.2.4 การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากกิจการประกันภัยในส่วนที่เกินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาตามที่กระทรวงการคลังเสนอเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
3.3 การเร่งรัดคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ประกอบการใน 6 จังหวัดภาคใต้เป็นกรณีพิเศษ มีการขอคืนภาษีเป็นเงินสดรวม 10 ราย คิดเป็น 28.043 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และมีผู้ประกอบการขอคืนเป็นเครดิต 123 ราย ซึ่งหากต้องการขอคืนเป็นเงินสด ผู้ประกอบการดังกล่าวสามารถยื่นคำร้องไปยังกรมสรรพากรได้ต่อไป ในการนี้สรรพากรพื้นที่ได้ประสานกับผู้ประกอบการดังกล่าวแล้วโดยมีผู้ประกอบการบางส่วนมายื่นคำร้องขอคืนภาษีเป็นเงินสด ซึ่งเร่งรัดดำเนินการคืนภาษีให้แล้ว
4. การจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน
เพื่อให้การช่วยเหลือทางการเงิน โดยกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งมาตรการฟื้นฟูระยะสั้นที่หน่วยงานอื่น ๆ ดำเนินการไปแล้วนั้น มีความยั่งยืนและขยายผลสู่การพัฒนาครบถ้วนทั้งภูมิภาคอันดามัน ทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน กระทรวงการคลังภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank-ADB) จึงเริ่มดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน (The Regional Development Plan) ซึ่งจะเป็นแผนที่ครอบคลุมทุกปัจจัยของการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาวขึ้นโดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2548 และจัดทำแผนพัฒนาฯ ในเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2548 จากนั้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2548 เป็นต้นไป ประมาณ 5-6 เดือน จะเป็นการพัฒนาแผนในรายละเอียดภายใต้แนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
4.1 กรอบการจัดทำแผนพัฒนาฯ
4.1.1 ในการจัดทำแผนประกอบด้วย 2 กรอบระยะเวลาคือ แผนสำหรับการดำเนินงานในระยะปานกลางตั้งแต่ปี 2548-2552 และระยะยาวตั้งแต่ปี 2553-2563
4.1.2 มีเป้าหมาย 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ภายใต้วิสัยทัศน์ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะเฉพาะของพื้นที่ โดยมีสภาพแวดล้อมคุณภาพสูงได้มาตรฐาน เป็นที่ดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยวและแรงงานฝีมือดี โดยจะนำผลที่ได้ขยายสู่ภูมิภาคอันดามันครบทั้ง 6 จังหวัดต่อไป
4.1.3 องค์ประกอบของแผนมี 3 ระดับ คือ แผนในระดับโครงสร้าง (เชิงนโยบาย) แผนในระดับพื้นที่ และแผนรายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การวางแผนด้านสาธารณูปโภคการพัฒนาชุมชนและการดำรงชีวิตของประชาชน โดยแผนแต่ละระดับจะระบุแนวทางปฏิบัติ มาตรการและรายละเอียดที่ต้องดำเนินการภายใต้หลักการมีส่วนร่วมของชุมชน มีการติดตามและประเมินผลภายใต้การแบ่งปันข้อมูล
4.2 รูปแบบและกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาฯ เนื่องจากในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่ดำเนินการฟื้นฟูที่ชายฝั่งอันดามัน ในระยะสั้นและปานกลางและในอนาคตเมื่อมีการฟื้นฟูระยะสั้นเสร็จสิ้นแล้ว อาจจะมีหน่วยงานหลายแห่ง เริ่มทำแผนฟื้นฟูระยะยาวขึ้นซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน ดังนั้นกระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนเพื่อศึกษาการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในปัจจุบันและที่จะดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็น 3 หน่วยงานสำคัญที่จะมีส่วนในการจัดทำแผนพัฒนาระดับภูมิภาค ซึ่งหากการจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามันประสบความสำเร็จ ก็จะลดความซ้ำซ้อนของงานที่อาจจะเกิดขึ้น เกิดกระบวนการร่วมคิดและร่วมทำในภาพรวม ดังนั้นการจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามันต้องเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องข้างต้นกับกระทรวงการคลัง ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 เมษายน 2548--จบ--
การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวมีทั้งที่เป็นมาตรการเร่งด่วนด้านการเงิน ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ การร่วมลงทุน ภาษีและค่าธรรมเนียม และมาตรการฟื้นฟูที่ครอบคลุมทุกด้านในระยะยาว ได้แก่ การจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน โดยสรุปสาระสำคัญและความคืบหน้า ดังนี้
1. การให้สินเชื่อ (ณ วันที่ 23 มีนาคม 2548)
1.1 การให้สินเชื่อโดยสถาบันการเงินของรัฐ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อไปแล้วจำนวน 9,101 ราย หรือร้อยละ 90 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด คิดเป็นเงินที่อนุมัติแล้ว 18,087.84 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.16 ของวงเงินที่ยื่นคำขอ
1.2 สำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ได้อนุมัติวงเงินไปแล้ว 721 ราย หรือร้อยละ 39.51 ของผู้ที่ขอความช่วยเหลือทั้งหมด คิดเป็นวงเงิน 360.94 ล้านบาท หรือร้อยละ 40.69 ของวงเงินที่ยื่นขอส่วนที่เหลือเป็นผู้กู้ใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำสัญญากู้และจะได้รับเงินเมื่อเปิดเทอม
1.3 ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนให้กับสถาบันการเงินเพื่อนำไปปล่อยกู้กับลูกค้าแล้ว 2,290 ราย คิดเป็นวงเงิน 47,391.85 ล้านบาท จากวงเงินรวมที่เตรียมไว้ 48,000 ล้านบาท
2. การร่วมลงทุนโดยกองทุนร่วมลงทุน (ณ วันที่ 23 มีนาคม 2548)
มีการอนุมัติร่วมลงทุนแล้ว 20 ราย หรือร้อยละ 16.39 ของจำนวนผู้ยื่นคำขอทั้งหมด คิดเป็นวงเงิน 1,706 ล้านบาท หรือร้อยละ 38.21 ของวงเงินที่ยื่นคำขอ โดยส่วนที่ยังไม่ได้อนุมัติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลตามหลักการ ก่อนดำเนินการต่อไป
การให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อและการร่วมลงทุนข้างต้น โดยเฉพาะกับธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว มีการอนุมัติเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถประเมินความเสียหายและวงเงินที่ต้องการกู้ยืม พร้อมทั้งจัดเตรียมเอกสารประกอบได้ถูกต้องครบถ้วนขึ้น ประกอบกับนโยบายด้านจัดการที่ดินและสิ่งแวดล้อม มีความชัดเจนในรายละเอียด และมีการสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ประกอบการกับหน่วยงานภาครัฐ ทำให้สถาบันการเงินสามารถพิจารณาอนุมัติให้ความช่วยเหลือได้มากขึ้น อย่างไรก็ดีหากผู้ประกอบการรายใดมีปัญหาในลักษณะเฉพาะจะพิจารณาแก้ปัญหาเป็นรายกรณีต่อไป
3. มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม ตามที่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 มีมติเห็นชอบให้ดำเนินมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม สามารถสรุปสถานะล่าสุด ณ วันที่ 25 มีนาคม 2548 ดังนี้
3.1 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมที่มีผลบังคับใช้แล้ว ได้แก่ การหักผลเสียหายในทรัพย์สินเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ การขยายกำหนดเวลายื่นแบบแสดงภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และการเสียภาษีของผู้เสียภาษีและผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ใน 6 จังหวัด
3.2 มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วต่อไป ได้แก่
3.2.1 การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ผู้ประสบภัย 6 จังหวัดภาคใต้ สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี พ.ศ.2547 และการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินบริจาคให้แก่ส่วนราชการ อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3.2.2 การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินบริจาคให้แก่ส่วนราชการโดยผ่านเอกชน อยู่ระหว่างตรวจร่างกฎกระทรวงโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
3.2.3 การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดินอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อออกประกาศ
3.2.4 การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากกิจการประกันภัยในส่วนที่เกินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาตามที่กระทรวงการคลังเสนอเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2548 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
3.3 การเร่งรัดคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ประกอบการใน 6 จังหวัดภาคใต้เป็นกรณีพิเศษ มีการขอคืนภาษีเป็นเงินสดรวม 10 ราย คิดเป็น 28.043 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และมีผู้ประกอบการขอคืนเป็นเครดิต 123 ราย ซึ่งหากต้องการขอคืนเป็นเงินสด ผู้ประกอบการดังกล่าวสามารถยื่นคำร้องไปยังกรมสรรพากรได้ต่อไป ในการนี้สรรพากรพื้นที่ได้ประสานกับผู้ประกอบการดังกล่าวแล้วโดยมีผู้ประกอบการบางส่วนมายื่นคำร้องขอคืนภาษีเป็นเงินสด ซึ่งเร่งรัดดำเนินการคืนภาษีให้แล้ว
4. การจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน
เพื่อให้การช่วยเหลือทางการเงิน โดยกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งมาตรการฟื้นฟูระยะสั้นที่หน่วยงานอื่น ๆ ดำเนินการไปแล้วนั้น มีความยั่งยืนและขยายผลสู่การพัฒนาครบถ้วนทั้งภูมิภาคอันดามัน ทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน กระทรวงการคลังภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank-ADB) จึงเริ่มดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน (The Regional Development Plan) ซึ่งจะเป็นแผนที่ครอบคลุมทุกปัจจัยของการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาวขึ้นโดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2548 และจัดทำแผนพัฒนาฯ ในเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2548 จากนั้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2548 เป็นต้นไป ประมาณ 5-6 เดือน จะเป็นการพัฒนาแผนในรายละเอียดภายใต้แนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
4.1 กรอบการจัดทำแผนพัฒนาฯ
4.1.1 ในการจัดทำแผนประกอบด้วย 2 กรอบระยะเวลาคือ แผนสำหรับการดำเนินงานในระยะปานกลางตั้งแต่ปี 2548-2552 และระยะยาวตั้งแต่ปี 2553-2563
4.1.2 มีเป้าหมาย 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ภายใต้วิสัยทัศน์ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะเฉพาะของพื้นที่ โดยมีสภาพแวดล้อมคุณภาพสูงได้มาตรฐาน เป็นที่ดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยวและแรงงานฝีมือดี โดยจะนำผลที่ได้ขยายสู่ภูมิภาคอันดามันครบทั้ง 6 จังหวัดต่อไป
4.1.3 องค์ประกอบของแผนมี 3 ระดับ คือ แผนในระดับโครงสร้าง (เชิงนโยบาย) แผนในระดับพื้นที่ และแผนรายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การวางแผนด้านสาธารณูปโภคการพัฒนาชุมชนและการดำรงชีวิตของประชาชน โดยแผนแต่ละระดับจะระบุแนวทางปฏิบัติ มาตรการและรายละเอียดที่ต้องดำเนินการภายใต้หลักการมีส่วนร่วมของชุมชน มีการติดตามและประเมินผลภายใต้การแบ่งปันข้อมูล
4.2 รูปแบบและกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาฯ เนื่องจากในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่ดำเนินการฟื้นฟูที่ชายฝั่งอันดามัน ในระยะสั้นและปานกลางและในอนาคตเมื่อมีการฟื้นฟูระยะสั้นเสร็จสิ้นแล้ว อาจจะมีหน่วยงานหลายแห่ง เริ่มทำแผนฟื้นฟูระยะยาวขึ้นซึ่งจะเกี่ยวเนื่องกับแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามัน ดังนั้นกระทรวงการคลังโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนเพื่อศึกษาการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในปัจจุบันและที่จะดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็น 3 หน่วยงานสำคัญที่จะมีส่วนในการจัดทำแผนพัฒนาระดับภูมิภาค ซึ่งหากการจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามันประสบความสำเร็จ ก็จะลดความซ้ำซ้อนของงานที่อาจจะเกิดขึ้น เกิดกระบวนการร่วมคิดและร่วมทำในภาพรวม ดังนั้นการจัดทำแผนพัฒนาภูมิภาคอันดามันต้องเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องข้างต้นกับกระทรวงการคลัง ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 เมษายน 2548--จบ--