คณะรัฐมนตรีรับทราบสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม 2544 (15 - 19 ตุลาคม 2544)
ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอ สรุปได้ดังนี้
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากปัญหาสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและอัฟกานิสถาน และการประท้วงของประชาชน
ชาวมุสลิมในประเทศต่าง ๆ ที่ไม่เห็นด้วยต่อการโจมตีของสหรัฐอเมริกาแล้ว ประเทศทั่วโลกต่างตื่นตระหนกกับปัญหาการแพร่
กระจายของเชื้อแอนเทร็กซ์ ซึ่งมีทั้งสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และข่าวลือ หรือการสร้างสถานการณ์ ทั้งที่เกิดขึ้น
ในประเทศยุโรป และประเทศไทยเอง ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบทางลบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวดังต่อไปนี้
- ตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงของชาวมุสลิม : เยอรมนี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา
- ตลาดที่ได้รับผลกระทบจากแอนเทร็กซ์ : สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนี่งที่ทำให้ตลาดบางส่วนชะลอตัวลงไป โดยอาจมีปัจจัยอื่น ๆ
เข้ามากระทบอีก เช่น ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ภาวะทางจิตวิทยา ฯลฯ สำหรับตลาดอื่น ๆ ยังไม่มีความชัดเจนว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวมีส่วนต่อการตัดสินใจเดินทาง
ในภาพรวม ตลาดส่วนใหญ่มีแนวโน้มชะลอตัวลง คงมีเฉพาะโอเชียเนีย และยุโรปบางประเทศเท่านั้นที่มี
แนวโน้มการเติบโตที่ดี ทั้งนี้ สามารถสรุปสถานการณ์ตลาดที่สำคัญ ๆ ได้ดังนี้
ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดี (+) ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ รัสเซีย โปแลนด์
ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตปานกลาง (+/-) นิวซีแลนด์ อังกฤษ สแกนดิเนเวีย แคนาดา แอฟริกาใต้ มาเลเซีย
ตลาดที่มีแนวโน้มชะลอตัว (- -) สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน เกาหลี สิงคโปร์ เยอรมนี เบลเยี่ยม ฮังการี อิตาลี
ฝรั่งเศส ประเทศในเอเชียใต้ ประเทศในตะวันออกกลาง ประเทศในละตินอเมริกา
1. ภูมิภาคเอเชียตะวันออก สถานการณ์ในภาพรวมของตลาดภูมิภาคนี้ อยู่ในภาวะการชะลอตัวลง
เล็กน้อย เนื่องจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดหลักมีการชะลอการเดินทางออก และสถานการณ์การแข่งขันเริ่มเข้มข้นขึ้น โดยคู่แข่งสำคัญของไทย
เช่น ฮาวาย และกวม เริ่มออกมาดำเนินการด้านการตลาดเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของตนไว้
2. ภูมิภาคยุโรป ตลาดที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โลกและมีแนวโน้มการเติบโตดีมาก คือ ตลาดสวิสเซอร์แลนด์
รัสเซีย และยุโรปตะวันออก โดยการเดินทางของนักท่องเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์มายังเมืองไทยนั้นอยู่สภาวะที่ค่อนข้างดี ไม่มีการยกเลิก
การเดินทาง และมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นผลจากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางจากอเมริกา ตะวันออกใกล้
และตะวันออกกลางมายังเอเชีย โดยมียอดการจองการเดินทางล่วงหน้าเพิ่มขึ้นในช่วงมกราคม - มีนาคม 2545 อย่างไรก็ดี ในปลาย
เดือนตุลาคม คาดว่าตลาดนี้อาจได้รับผลกระทบบ้างจากการที่
สายการบิน swiss air ซึ่งมีปัญหาด้านการเงินอย่างหนักจะให้บริการทำการบินในเส้นทางสวิสเซอร์แลนด์ - กรุงเทพฯ
จนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2544 เป็นวันสุดท้าย หลังจากนั้นต้องรอการพิจารณาของผู้บริหารชุดใหม่ นอกจากนี้สายการบินหลายสายในยุโรป
มีแผนการลด/หยุดทำการบินในเส้นทางมาเอเชีย ซึ่งผลดังกล่าวข้างต้นทำให้อาจมีปัญหาด้าน seat capacity ไม่เพียงพอได้ ดังนั้น
สายการบินไทยอาจจะต้องวางแผนเส้นทางบินใหม่ เพื่อรองรับตลาดนี้มากขึ้น ในส่วนตลาดยุโรปตะวันออกมีแนวโน้มการเติบโตดี แม้ว่า
จะมีกลุ่มตลาดขนาดเล็กก็ตาม โดยเฉพาะตลาดโปแลนด์ที่หันเหจากอินโดนีเซียซึ่งเป็นคู่แข่งขันมาไทยมากขึ้น ส่วนตลาดรัสเซียก็กำลัง
เติบโตด้วยดีเช่นกัน โดยเฉพาะการเช่าเหมาลำมากับสายการบิน Aeroflot ซึ่งไม่เคยมีปัญหาการถูกจี้เครื่องบิน จึงทำให้นักท่องเที่ยว
มีความมั่นใจด้านความปลอดภัย
3. ภูมิภาคอเมริกา ในภาพรวมตลาดยังมีการชะลอตัว อย่างไรก็ดีแม้ว่าโดยส่วนใหญ่ชาวอเมริกันจะยังไม่
เดินทางออกนอกประเทศในขณะนี้ แต่กลุ่มนักธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปติดต่องานต่างประเทศจะยังคงมีการ
เดินทางอยู่ คาดว่าประเทศไทยจะได้รับกลุ่มตลาดนี้มาบ้างเช่นกัน และกลุ่มเกษียณอายุก็ยังคงมีแนวโน้มที่ดีอยู่ โดยนิยมการเดินทางเข้าเชียงใหม่
สำหรับในภาพรวมของทั้งตลาด พบว่าพื้นที่ที่ได้รับนักท่องเที่ยวอเมริกันน้อยลง ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยจากการประกาศเตือนชาวอเมริกันให้ระวังการเดินทางไปอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ส่งผลให้กระเทือนต่อการท่องเที่ยวของไทย
เพราะนักท่องเที่ยวอเมริกาส่วนใหญ่นิยมเที่ยวแบบเชื่อมโยงหลายประเทศ
4. ภูมิภาคโอเชียเนีย สถานการณ์โลกในขณะนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดนี้ในภาพรวม โดยตลาดออสเตรเลียยังมี
การเดินทางมาประเทศไทยสูงอย่างต่อเนื่อง และยังมีการจองการเดินทางเข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่อง
เช่นกัน เนื่องจากบริษัทนำเที่ยวในออสเตรเลียได้หันมาจัดโปรแกรมมาเมืองไทยมากขึ้น เพื่อชดเชยโปรแกรมเส้นทางไปสหรัฐอเมริกายุโรป
และตะวันออกกลางที่ลดลงไป นอกจากนี้ยังมีการเสนอขายเส้นทางอื่นที่เป็นคู่แข่งขันของไทยมากขึ้น เช่น ฟิจิ มาเลเซีย หมู่เกาะในแปซิฟิคใต้
นิวซีแลนด์ รวมทั้งบาหลีด้วย (แม้ว่ารัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศเตือนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปอินโดนีเซีย แต่ไม่ได้รวมบาหลีเข้าไปใน
พื้นที่ต้องห้ามดังกล่าว) ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขัน ประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับแนวหน้าที่สามารถแข่งขันได้อยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี
หลายประเทศได้ใช้กลยุทธ์ด้านราคามาเป็นตัวจูงใจ ประเทศไทยจึงต้องพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องนี้ และต้องทำการตลาดอย่างเข้มข้น
ในตลาดนี้ เป็นจุดที่หลายประเทศพยายามเข้ามาดึงดูดนักท่องเที่ยว เพราะเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบน้อยและยังคงเดินทางอยู่
ปัญหาที่พบและแนวทางการแก้ไข
1. กระแสข่าวการกระจายของเชื้อแอนเทร็กซ์ ทั้งนี้ กระแสข่าวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นการสร้างสถานการณ์ โดยยัง
ไม่มีการยืนยันที่ชัดเจนว่ามีการแพร่ของเชื้อแอนเทร็กซ์จริง แต่ได้สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ของเมืองไทย และมีผลต่อการตัดสินใจ
ในการเดินทางของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ททท. กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข ควร
ออกมายืนยันความปลอดภัยในเรื่องดังกล่าว และควรขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้ระมัดระวังการเสนอข่าวทางลบทุกประเภท โดยควร
ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนเผยแพร่ข่าวออกไป
2. การปรับลดเที่ยวบินของนิวซีแลนด์ ทั้งเส้นทางไปออสเตรเลียและยุโรป ซึ่งประเทศไทยจะได้รับผลกระทบทำให้ขาดนักท่องเที่ยว
ที่เดินทางต่อจากออสเตรเลียมาไทย และที่เดินทางไปยุโรปโดยแวะผ่านไทย ดังนั้นสาย
การบินไทยอาจจะต้องพิจารณาปรับเพิ่มเที่ยวบินตรงสำหรับประเทศนิวซีแลนด์มากขึ้น หากปริมาณความต้องการของตลาดไม่เพียงพอกับจำนวนที่นั่ง
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปผลการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการตลาดระหว่างผู้บริหารระดับสูงของ ททท.
กับ Dr. Philip Kotler นักการตลาดชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา วันที่ 19 ตุลาคม 2544 โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซ่า กรุงเทพฯ
สรุปได้ดังนี้
1. การทำตลาดในฤดูฝน ในช่วงฤดูฝนควรมีการทำ marketing ในลักษณะพิเศษ โดยการสร้าง perception ที่ถูกต้อง
เกี่ยวกับฤดูฝนในประเทศไทย ผ่านบริษัทนำเที่ยว ว่าเป็นฤดูที่สามารถเที่ยวได้ เพราะบรรยากาศไม่เหมือนฤดูฝนในแถบอื่น ซึ่งเมื่อตกแล้ว
ฟ้าหลังฝนจะมีแสงแดด สดใส เหมาะสำหรับการเที่ยวป่าในแถบเขตร้อน (rain forest) ที่กำลังเขียวชะอุ่มและบรรยากาศไม่ร้อนมาก
ทั้งนี้ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางเป็นกลุ่มที่กำลังสนใจการท่องเที่ยวในฤดูฝนของเมืองไทย เพราะมีบรรยากาศแตกต่างจากประเทศ
ของเขา ซึ่งแห้งแล้ง
2. การทำตลาดในช่วงวิกฤตการณ์สงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและอัฟกานิสถานในขณะนี้ Kotler แนะนำให้ใช้การประชาสัมพันธ์
ในทางอ้อมว่าประเทศไทยปลอดภัย โดยใช้การประชาสัมพันธ์แบบ testimonial โดยสัมภาษณ์จากนักท่องเที่ยวในพื้นที่ที่กำลังเที่ยวอยู่ในประเทศไทย
ว่ามาเมืองไทยในขณะนี้บรรยากาศเป็นอย่างไร เพื่อสะท้อนภาพความเป็นจริงออกไปสู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก
3. Theme ที่สามารถเสนอขายในช่วงนี้ อาจใช้คำว่า Rejuvenation เพื่อให้รู้สึกว่ามาเมืองไทยตอนนี้จะคลายจากปัญหาความ
ตึงเครียดของสถานการณ์โลกขณะนี้ได้ ทั้งนี้ต้องมีสินค้าที่สร้างความแตกต่างจากประเทศอื่น (differentiate) เช่น การขี่ช้าง เป็นต้น
4. การทำตลาดสหรัฐฯ ในช่วงวิกฤต ททท. ได้ขอคำแนะนำในเรื่องนี้ เนื่องจากจะต้องทำการตลาดต่อไป แม้ว่าสหรัฐอเมริกา
จะมีปัญหาก็ตาม โดย Kotler แนะนำให้เน้นเจาะกลุ่มไปที่กลุ่มนักธุรกิจที่ต้องมาทำธุระในประเทศไทยอยู่แล้ว กลุ่ม spouse ของนักธุรกิจ
และกลุ่มวัยเกษียณ
5. การทำการตลาด niche market ในด้านอื่น ๆ ที่ควรส่งเสริม คือ กอล์ฟ ซึ่งนักท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกายังไม่รู้จักสินค้า
ในเมืองไทยดีนัก กิจกรรมการดูนก การดำน้ำ โดยเฉพาะการขาย wedding โดยสามารถดึงตลาดญี่ปุ่นซึ่งเคยไปฮาวายให้มาไทยในช่วงนี้
แทนกลุ่ม long stay
6. การเจาะกลุ่มตลาดสหรัฐที่เคยมีประสบการณ์สงครามในเวียดนาม ททท. ได้เสนอขอคำแนะนำเกี่ยวกับกลุ่มตลาดสหรัฐฯ
ที่เคยมีประสบการณ์สงครามในเวียดนาม ซึ่ง Kotler แนะนำให้ทำวิจัยในเรื่องนี้ก่อน
7. วิธีการทำประชาสัมพันธ์การตลาดทางอ้อมที่ปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจ คือ การถ่ายทำ
ภาพยนตร์ โดยมีภาพประเทศไทยเป็นฉากหลัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 พ.ย. 44--
-สส-
ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอ สรุปได้ดังนี้
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากปัญหาสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและอัฟกานิสถาน และการประท้วงของประชาชน
ชาวมุสลิมในประเทศต่าง ๆ ที่ไม่เห็นด้วยต่อการโจมตีของสหรัฐอเมริกาแล้ว ประเทศทั่วโลกต่างตื่นตระหนกกับปัญหาการแพร่
กระจายของเชื้อแอนเทร็กซ์ ซึ่งมีทั้งสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา และข่าวลือ หรือการสร้างสถานการณ์ ทั้งที่เกิดขึ้น
ในประเทศยุโรป และประเทศไทยเอง ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบทางลบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวดังต่อไปนี้
- ตลาดที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงของชาวมุสลิม : เยอรมนี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา
- ตลาดที่ได้รับผลกระทบจากแอนเทร็กซ์ : สหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนี่งที่ทำให้ตลาดบางส่วนชะลอตัวลงไป โดยอาจมีปัจจัยอื่น ๆ
เข้ามากระทบอีก เช่น ภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ภาวะทางจิตวิทยา ฯลฯ สำหรับตลาดอื่น ๆ ยังไม่มีความชัดเจนว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวมีส่วนต่อการตัดสินใจเดินทาง
ในภาพรวม ตลาดส่วนใหญ่มีแนวโน้มชะลอตัวลง คงมีเฉพาะโอเชียเนีย และยุโรปบางประเทศเท่านั้นที่มี
แนวโน้มการเติบโตที่ดี ทั้งนี้ สามารถสรุปสถานการณ์ตลาดที่สำคัญ ๆ ได้ดังนี้
ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดี (+) ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ รัสเซีย โปแลนด์
ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตปานกลาง (+/-) นิวซีแลนด์ อังกฤษ สแกนดิเนเวีย แคนาดา แอฟริกาใต้ มาเลเซีย
ตลาดที่มีแนวโน้มชะลอตัว (- -) สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน เกาหลี สิงคโปร์ เยอรมนี เบลเยี่ยม ฮังการี อิตาลี
ฝรั่งเศส ประเทศในเอเชียใต้ ประเทศในตะวันออกกลาง ประเทศในละตินอเมริกา
1. ภูมิภาคเอเชียตะวันออก สถานการณ์ในภาพรวมของตลาดภูมิภาคนี้ อยู่ในภาวะการชะลอตัวลง
เล็กน้อย เนื่องจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นตลาดหลักมีการชะลอการเดินทางออก และสถานการณ์การแข่งขันเริ่มเข้มข้นขึ้น โดยคู่แข่งสำคัญของไทย
เช่น ฮาวาย และกวม เริ่มออกมาดำเนินการด้านการตลาดเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของตนไว้
2. ภูมิภาคยุโรป ตลาดที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โลกและมีแนวโน้มการเติบโตดีมาก คือ ตลาดสวิสเซอร์แลนด์
รัสเซีย และยุโรปตะวันออก โดยการเดินทางของนักท่องเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์มายังเมืองไทยนั้นอยู่สภาวะที่ค่อนข้างดี ไม่มีการยกเลิก
การเดินทาง และมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นผลจากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางจากอเมริกา ตะวันออกใกล้
และตะวันออกกลางมายังเอเชีย โดยมียอดการจองการเดินทางล่วงหน้าเพิ่มขึ้นในช่วงมกราคม - มีนาคม 2545 อย่างไรก็ดี ในปลาย
เดือนตุลาคม คาดว่าตลาดนี้อาจได้รับผลกระทบบ้างจากการที่
สายการบิน swiss air ซึ่งมีปัญหาด้านการเงินอย่างหนักจะให้บริการทำการบินในเส้นทางสวิสเซอร์แลนด์ - กรุงเทพฯ
จนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2544 เป็นวันสุดท้าย หลังจากนั้นต้องรอการพิจารณาของผู้บริหารชุดใหม่ นอกจากนี้สายการบินหลายสายในยุโรป
มีแผนการลด/หยุดทำการบินในเส้นทางมาเอเชีย ซึ่งผลดังกล่าวข้างต้นทำให้อาจมีปัญหาด้าน seat capacity ไม่เพียงพอได้ ดังนั้น
สายการบินไทยอาจจะต้องวางแผนเส้นทางบินใหม่ เพื่อรองรับตลาดนี้มากขึ้น ในส่วนตลาดยุโรปตะวันออกมีแนวโน้มการเติบโตดี แม้ว่า
จะมีกลุ่มตลาดขนาดเล็กก็ตาม โดยเฉพาะตลาดโปแลนด์ที่หันเหจากอินโดนีเซียซึ่งเป็นคู่แข่งขันมาไทยมากขึ้น ส่วนตลาดรัสเซียก็กำลัง
เติบโตด้วยดีเช่นกัน โดยเฉพาะการเช่าเหมาลำมากับสายการบิน Aeroflot ซึ่งไม่เคยมีปัญหาการถูกจี้เครื่องบิน จึงทำให้นักท่องเที่ยว
มีความมั่นใจด้านความปลอดภัย
3. ภูมิภาคอเมริกา ในภาพรวมตลาดยังมีการชะลอตัว อย่างไรก็ดีแม้ว่าโดยส่วนใหญ่ชาวอเมริกันจะยังไม่
เดินทางออกนอกประเทศในขณะนี้ แต่กลุ่มนักธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปติดต่องานต่างประเทศจะยังคงมีการ
เดินทางอยู่ คาดว่าประเทศไทยจะได้รับกลุ่มตลาดนี้มาบ้างเช่นกัน และกลุ่มเกษียณอายุก็ยังคงมีแนวโน้มที่ดีอยู่ โดยนิยมการเดินทางเข้าเชียงใหม่
สำหรับในภาพรวมของทั้งตลาด พบว่าพื้นที่ที่ได้รับนักท่องเที่ยวอเมริกันน้อยลง ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยจากการประกาศเตือนชาวอเมริกันให้ระวังการเดินทางไปอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ส่งผลให้กระเทือนต่อการท่องเที่ยวของไทย
เพราะนักท่องเที่ยวอเมริกาส่วนใหญ่นิยมเที่ยวแบบเชื่อมโยงหลายประเทศ
4. ภูมิภาคโอเชียเนีย สถานการณ์โลกในขณะนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของตลาดนี้ในภาพรวม โดยตลาดออสเตรเลียยังมี
การเดินทางมาประเทศไทยสูงอย่างต่อเนื่อง และยังมีการจองการเดินทางเข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่อง
เช่นกัน เนื่องจากบริษัทนำเที่ยวในออสเตรเลียได้หันมาจัดโปรแกรมมาเมืองไทยมากขึ้น เพื่อชดเชยโปรแกรมเส้นทางไปสหรัฐอเมริกายุโรป
และตะวันออกกลางที่ลดลงไป นอกจากนี้ยังมีการเสนอขายเส้นทางอื่นที่เป็นคู่แข่งขันของไทยมากขึ้น เช่น ฟิจิ มาเลเซีย หมู่เกาะในแปซิฟิคใต้
นิวซีแลนด์ รวมทั้งบาหลีด้วย (แม้ว่ารัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศเตือนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปอินโดนีเซีย แต่ไม่ได้รวมบาหลีเข้าไปใน
พื้นที่ต้องห้ามดังกล่าว) ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขัน ประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับแนวหน้าที่สามารถแข่งขันได้อยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ดี
หลายประเทศได้ใช้กลยุทธ์ด้านราคามาเป็นตัวจูงใจ ประเทศไทยจึงต้องพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องนี้ และต้องทำการตลาดอย่างเข้มข้น
ในตลาดนี้ เป็นจุดที่หลายประเทศพยายามเข้ามาดึงดูดนักท่องเที่ยว เพราะเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบน้อยและยังคงเดินทางอยู่
ปัญหาที่พบและแนวทางการแก้ไข
1. กระแสข่าวการกระจายของเชื้อแอนเทร็กซ์ ทั้งนี้ กระแสข่าวที่เกิดขึ้นในเมืองไทยส่วนใหญ่เป็นการสร้างสถานการณ์ โดยยัง
ไม่มีการยืนยันที่ชัดเจนว่ามีการแพร่ของเชื้อแอนเทร็กซ์จริง แต่ได้สร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ของเมืองไทย และมีผลต่อการตัดสินใจ
ในการเดินทางของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ททท. กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข ควร
ออกมายืนยันความปลอดภัยในเรื่องดังกล่าว และควรขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้ระมัดระวังการเสนอข่าวทางลบทุกประเภท โดยควร
ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนเผยแพร่ข่าวออกไป
2. การปรับลดเที่ยวบินของนิวซีแลนด์ ทั้งเส้นทางไปออสเตรเลียและยุโรป ซึ่งประเทศไทยจะได้รับผลกระทบทำให้ขาดนักท่องเที่ยว
ที่เดินทางต่อจากออสเตรเลียมาไทย และที่เดินทางไปยุโรปโดยแวะผ่านไทย ดังนั้นสาย
การบินไทยอาจจะต้องพิจารณาปรับเพิ่มเที่ยวบินตรงสำหรับประเทศนิวซีแลนด์มากขึ้น หากปริมาณความต้องการของตลาดไม่เพียงพอกับจำนวนที่นั่ง
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปผลการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการตลาดระหว่างผู้บริหารระดับสูงของ ททท.
กับ Dr. Philip Kotler นักการตลาดชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา วันที่ 19 ตุลาคม 2544 โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซ่า กรุงเทพฯ
สรุปได้ดังนี้
1. การทำตลาดในฤดูฝน ในช่วงฤดูฝนควรมีการทำ marketing ในลักษณะพิเศษ โดยการสร้าง perception ที่ถูกต้อง
เกี่ยวกับฤดูฝนในประเทศไทย ผ่านบริษัทนำเที่ยว ว่าเป็นฤดูที่สามารถเที่ยวได้ เพราะบรรยากาศไม่เหมือนฤดูฝนในแถบอื่น ซึ่งเมื่อตกแล้ว
ฟ้าหลังฝนจะมีแสงแดด สดใส เหมาะสำหรับการเที่ยวป่าในแถบเขตร้อน (rain forest) ที่กำลังเขียวชะอุ่มและบรรยากาศไม่ร้อนมาก
ทั้งนี้ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางเป็นกลุ่มที่กำลังสนใจการท่องเที่ยวในฤดูฝนของเมืองไทย เพราะมีบรรยากาศแตกต่างจากประเทศ
ของเขา ซึ่งแห้งแล้ง
2. การทำตลาดในช่วงวิกฤตการณ์สงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและอัฟกานิสถานในขณะนี้ Kotler แนะนำให้ใช้การประชาสัมพันธ์
ในทางอ้อมว่าประเทศไทยปลอดภัย โดยใช้การประชาสัมพันธ์แบบ testimonial โดยสัมภาษณ์จากนักท่องเที่ยวในพื้นที่ที่กำลังเที่ยวอยู่ในประเทศไทย
ว่ามาเมืองไทยในขณะนี้บรรยากาศเป็นอย่างไร เพื่อสะท้อนภาพความเป็นจริงออกไปสู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก
3. Theme ที่สามารถเสนอขายในช่วงนี้ อาจใช้คำว่า Rejuvenation เพื่อให้รู้สึกว่ามาเมืองไทยตอนนี้จะคลายจากปัญหาความ
ตึงเครียดของสถานการณ์โลกขณะนี้ได้ ทั้งนี้ต้องมีสินค้าที่สร้างความแตกต่างจากประเทศอื่น (differentiate) เช่น การขี่ช้าง เป็นต้น
4. การทำตลาดสหรัฐฯ ในช่วงวิกฤต ททท. ได้ขอคำแนะนำในเรื่องนี้ เนื่องจากจะต้องทำการตลาดต่อไป แม้ว่าสหรัฐอเมริกา
จะมีปัญหาก็ตาม โดย Kotler แนะนำให้เน้นเจาะกลุ่มไปที่กลุ่มนักธุรกิจที่ต้องมาทำธุระในประเทศไทยอยู่แล้ว กลุ่ม spouse ของนักธุรกิจ
และกลุ่มวัยเกษียณ
5. การทำการตลาด niche market ในด้านอื่น ๆ ที่ควรส่งเสริม คือ กอล์ฟ ซึ่งนักท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกายังไม่รู้จักสินค้า
ในเมืองไทยดีนัก กิจกรรมการดูนก การดำน้ำ โดยเฉพาะการขาย wedding โดยสามารถดึงตลาดญี่ปุ่นซึ่งเคยไปฮาวายให้มาไทยในช่วงนี้
แทนกลุ่ม long stay
6. การเจาะกลุ่มตลาดสหรัฐที่เคยมีประสบการณ์สงครามในเวียดนาม ททท. ได้เสนอขอคำแนะนำเกี่ยวกับกลุ่มตลาดสหรัฐฯ
ที่เคยมีประสบการณ์สงครามในเวียดนาม ซึ่ง Kotler แนะนำให้ทำวิจัยในเรื่องนี้ก่อน
7. วิธีการทำประชาสัมพันธ์การตลาดทางอ้อมที่ปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจ คือ การถ่ายทำ
ภาพยนตร์ โดยมีภาพประเทศไทยเป็นฉากหลัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 พ.ย. 44--
-สส-