ทำเนียบรัฐบาล--1 ส.ค.--นิวส์สแตนด์
13. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณามาตรการทางกฎหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของชาติ เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของคณะกรรมการพิจารณามาตรการทางกฎหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้กำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง เพื่อกำกับดูแลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจดังกล่าวโดยเฉพาะ ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้ธุรกิจแฟ็กเตอริงมีบทบาทในการขยายความช่วยเหลือด้านเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริงเป็นการเฉพาะ จึงทำให้มีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมายหลายประการ ทำให้การทำแฟ็กเตอริงยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร โดยเฉพาะในกรณีที่มีการดำเนินคดีในศาล และต้องการสนับสนุนให้ธุรกิจแฟ็กเตอริงซึ่งเป็นการโอนสิทธิเรียกร้อง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ให้สินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้นเป็นเครื่องมือของทางการในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ และโดยที่แฟ็กเตอริงเป็นธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ต้องมีหลักประกันดังเช่นสินเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ ของสถาบันการเงินอื่น ๆ จึงต้องการให้เอื้ออำนวยต่อธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งรัฐบาลต้องการส่งเสริมและปัจจุบันส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดหลักประกันทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบค่อนข้างยาก
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. คำจำกัดความและขอบเขตการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง
การประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง คือ การที่บริษัทแฟ็กเตอร์ดำเนินการรับโอนหนี้ทางการค้าจากลูกค้าเพื่อทำธุรกรรมกับลูกค้าแต่ละรายอย่างน้อยสองในสี่ธุรกรรม ดังนี้ 1) การให้สินเชื่อ 2) การเรียกเก็บหนี้ทางการค้า 3) การบริหารบัญชีลูกหนี้ 4) การค้ำประกันการชำระหนี้ของลูกหนี้ ซึ่งร่างพระราชบัญญัตินี้จะกำหนดให้ใช้บังคับกับนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริงเป็นทางการค้าปกติของตน ที่ได้มีการจดทะเบียนต่อนายทะเบียนและมีทุนจดทะเบียนอันได้ชำระเต็มแล้วหรือทุนประเดิมไม่น้อยกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดแต่ต้องไม่ต่ำกว่าสามสิบล้านบาท
2. ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติ 1) บริษัทแฟ็กเตอร์ 2) ลูกค้า 3) ลูกหนี้ 4) บุคคลภายนอก
3. มาตรการส่งเสริมการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง
1) บริษัทแฟ็กเตอร์สามารถคิดดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปีได้ แต่จะต้องมีการกำหนดไว้อย่างชัดแจ้งในสัญญาแฟ็กเตอริง
2) แม้ว่าในสัญญาระหว่างลูกค้าและลูกหนี้จะมีข้อกำหนดเรื่องการห้ามโอนหนี้ทางการค้าไว้ แต่ลูกค้าสามารถที่จะโอนหนี้ดังกล่าวให้กับบริษัทแฟ็กเตอร์ได้ ซึ่งการโอนหนี้ดังกล่าวนั้น จะมีผลสมบูรณ์ตามพระราชบัญญัตินี้แต่ลูกค้ายังคงมีหน้าที่หรือความรับผิดชอบต่อลูกหนี้ตามสัญญาซื้อขายสินค้าหรือบริการนั้นทุกประการ
3) สิทธิเรียกร้องตามสัญญาแฟ็กเตอริงนั้นมีอายุความ 5 ปี
4) หนังสือบอกกล่าวให้ลูกหนี้ทราบถึงการโอนหนี้ทางการค้าให้แก่บริษัทแฟ็กเตอร์นั้นมีความหมายรวมถึงโทรเลข โทรพิมพ์ โทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หนังสืออื่นทางเทคโนโลยี สารสนเทศที่สามารถแปลงเสนอเป็นเอกสาร ทั้งนี้ หนังสือบอกกล่าวตามพระราชบัญญัตินี้ไม่จำเป็นต้องมีการลงลายมือชื่อแต่อย่างใด
4. มาตรการคุ้มครองลูกค้าและลูกหนี้
1) กำหนดให้สัญญาแฟ็กเตอริงจะต้องมีข้อความอย่างน้อยตามที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อให้ลูกค้าสามารถทราบถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของการทำสัญญาแฟ็กเตอริงระหว่างตนเองกับบริษัทแฟ็กเตอร์
2) กำหนดให้บริษัทแฟ็กเตอร์มีหน้าที่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหรือค่าตอบแทนตามสัญญาแฟ็กเตอริงล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบสี่วันก่อนที่จะมีการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงดังกล่าว
3) การโอนหนี้ทางการค้าตามสัญญาแฟ็กเตอริงจะสามารถใช้บังคับกับลูกหนี้ได้ก็ต่อเมื่อได้มีการบอกกล่าวการโอนหนี้นั้นให้แก่ลูกหนี้ทราบแล้วตามวิธีการที่กำหนดในกฎหมายนี้
4) หากบริษัทแฟ็กเตอร์เป็นผู้เรียกร้องหนี้ทางการค้าจากลูกหนี้ ลูกหนี้สามารถยกข้อต่อสู้ที่มีต่อลูกค้าตามสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้ทางการค้า ขึ้นต่อสู้กับบริษัทแฟ็กเตอร์ได้เสมือนว่าลูกค้าเป็นผู้เรียกร้องหนี้ทางการค้านั้นเอง
5) หากลูกหนี้มีสิทธิเรียกร้องอื่นใดกับลูกค้าก่อนที่จะมีการบอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้ลูกหนี้ทราบ ลูกหนี้สามารถนำสิทธิเรียกร้องนั้นมาหักกลบกับสิทธิเรียกร้องในหนี้ทางการค้าของบริษัทแฟ็กเตอร์ได้เช่นกัน
5. อำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรี
1) ออกกฎกระทรวงเพื่อแต่งตั้งนายทะเบียน และกำหนดอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน รวมถึงหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนของบริษัทแฟ็กเตอร์
2) ออกประกาศกระทรวงเพื่อกำหนดทุนจดทะเบียนของบริษัทแฟ็กเตอร์ ซึ่งต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าสามสิบล้านบาท
6. การเพิกถอนทะเบียน
เมื่อปรากฏภายหลังว่าผู้ประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริงไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดหรือกระทำการในลักษณะที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเพิกถอนทะเบียนได้ โดยที่นายทะเบียนอาจกำหนดเงื่อนไขและวิธีการให้ผู้ถูกเพิกถอนปฏิบัติต่อไป เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องได้
7. บทลงโทษ
กำหนดให้มีบทลงโทษ สำหรับผู้ถูกเพิกถอนทะเบียนหากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและวิธีการที่นายทะเบียนกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 ส.ค. 2543--
-สส-
13. เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณามาตรการทางกฎหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของชาติ เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของคณะกรรมการพิจารณามาตรการทางกฎหมายเพื่อการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้กำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง เพื่อกำกับดูแลเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจดังกล่าวโดยเฉพาะ ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้ธุรกิจแฟ็กเตอริงมีบทบาทในการขยายความช่วยเหลือด้านเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่ควบคุมการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริงเป็นการเฉพาะ จึงทำให้มีปัญหาในเรื่องข้อกฎหมายหลายประการ ทำให้การทำแฟ็กเตอริงยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร โดยเฉพาะในกรณีที่มีการดำเนินคดีในศาล และต้องการสนับสนุนให้ธุรกิจแฟ็กเตอริงซึ่งเป็นการโอนสิทธิเรียกร้อง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ให้สินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้นเป็นเครื่องมือของทางการในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ และโดยที่แฟ็กเตอริงเป็นธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ต้องมีหลักประกันดังเช่นสินเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ ของสถาบันการเงินอื่น ๆ จึงต้องการให้เอื้ออำนวยต่อธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งรัฐบาลต้องการส่งเสริมและปัจจุบันส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดหลักประกันทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบค่อนข้างยาก
ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. คำจำกัดความและขอบเขตการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง
การประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง คือ การที่บริษัทแฟ็กเตอร์ดำเนินการรับโอนหนี้ทางการค้าจากลูกค้าเพื่อทำธุรกรรมกับลูกค้าแต่ละรายอย่างน้อยสองในสี่ธุรกรรม ดังนี้ 1) การให้สินเชื่อ 2) การเรียกเก็บหนี้ทางการค้า 3) การบริหารบัญชีลูกหนี้ 4) การค้ำประกันการชำระหนี้ของลูกหนี้ ซึ่งร่างพระราชบัญญัตินี้จะกำหนดให้ใช้บังคับกับนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริงเป็นทางการค้าปกติของตน ที่ได้มีการจดทะเบียนต่อนายทะเบียนและมีทุนจดทะเบียนอันได้ชำระเต็มแล้วหรือทุนประเดิมไม่น้อยกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดแต่ต้องไม่ต่ำกว่าสามสิบล้านบาท
2. ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติ 1) บริษัทแฟ็กเตอร์ 2) ลูกค้า 3) ลูกหนี้ 4) บุคคลภายนอก
3. มาตรการส่งเสริมการประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริง
1) บริษัทแฟ็กเตอร์สามารถคิดดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปีได้ แต่จะต้องมีการกำหนดไว้อย่างชัดแจ้งในสัญญาแฟ็กเตอริง
2) แม้ว่าในสัญญาระหว่างลูกค้าและลูกหนี้จะมีข้อกำหนดเรื่องการห้ามโอนหนี้ทางการค้าไว้ แต่ลูกค้าสามารถที่จะโอนหนี้ดังกล่าวให้กับบริษัทแฟ็กเตอร์ได้ ซึ่งการโอนหนี้ดังกล่าวนั้น จะมีผลสมบูรณ์ตามพระราชบัญญัตินี้แต่ลูกค้ายังคงมีหน้าที่หรือความรับผิดชอบต่อลูกหนี้ตามสัญญาซื้อขายสินค้าหรือบริการนั้นทุกประการ
3) สิทธิเรียกร้องตามสัญญาแฟ็กเตอริงนั้นมีอายุความ 5 ปี
4) หนังสือบอกกล่าวให้ลูกหนี้ทราบถึงการโอนหนี้ทางการค้าให้แก่บริษัทแฟ็กเตอร์นั้นมีความหมายรวมถึงโทรเลข โทรพิมพ์ โทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หนังสืออื่นทางเทคโนโลยี สารสนเทศที่สามารถแปลงเสนอเป็นเอกสาร ทั้งนี้ หนังสือบอกกล่าวตามพระราชบัญญัตินี้ไม่จำเป็นต้องมีการลงลายมือชื่อแต่อย่างใด
4. มาตรการคุ้มครองลูกค้าและลูกหนี้
1) กำหนดให้สัญญาแฟ็กเตอริงจะต้องมีข้อความอย่างน้อยตามที่กฎหมายกำหนดไว้เพื่อให้ลูกค้าสามารถทราบถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของการทำสัญญาแฟ็กเตอริงระหว่างตนเองกับบริษัทแฟ็กเตอร์
2) กำหนดให้บริษัทแฟ็กเตอร์มีหน้าที่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหรือค่าตอบแทนตามสัญญาแฟ็กเตอริงล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสิบสี่วันก่อนที่จะมีการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงดังกล่าว
3) การโอนหนี้ทางการค้าตามสัญญาแฟ็กเตอริงจะสามารถใช้บังคับกับลูกหนี้ได้ก็ต่อเมื่อได้มีการบอกกล่าวการโอนหนี้นั้นให้แก่ลูกหนี้ทราบแล้วตามวิธีการที่กำหนดในกฎหมายนี้
4) หากบริษัทแฟ็กเตอร์เป็นผู้เรียกร้องหนี้ทางการค้าจากลูกหนี้ ลูกหนี้สามารถยกข้อต่อสู้ที่มีต่อลูกค้าตามสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้ทางการค้า ขึ้นต่อสู้กับบริษัทแฟ็กเตอร์ได้เสมือนว่าลูกค้าเป็นผู้เรียกร้องหนี้ทางการค้านั้นเอง
5) หากลูกหนี้มีสิทธิเรียกร้องอื่นใดกับลูกค้าก่อนที่จะมีการบอกกล่าวการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้ลูกหนี้ทราบ ลูกหนี้สามารถนำสิทธิเรียกร้องนั้นมาหักกลบกับสิทธิเรียกร้องในหนี้ทางการค้าของบริษัทแฟ็กเตอร์ได้เช่นกัน
5. อำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรี
1) ออกกฎกระทรวงเพื่อแต่งตั้งนายทะเบียน และกำหนดอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน รวมถึงหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนของบริษัทแฟ็กเตอร์
2) ออกประกาศกระทรวงเพื่อกำหนดทุนจดทะเบียนของบริษัทแฟ็กเตอร์ ซึ่งต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าสามสิบล้านบาท
6. การเพิกถอนทะเบียน
เมื่อปรากฏภายหลังว่าผู้ประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริงไม่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดหรือกระทำการในลักษณะที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเพิกถอนทะเบียนได้ โดยที่นายทะเบียนอาจกำหนดเงื่อนไขและวิธีการให้ผู้ถูกเพิกถอนปฏิบัติต่อไป เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องได้
7. บทลงโทษ
กำหนดให้มีบทลงโทษ สำหรับผู้ถูกเพิกถอนทะเบียนหากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและวิธีการที่นายทะเบียนกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 1 ส.ค. 2543--
-สส-