ทำเนียบรัฐบาล--16 ม.ค.--นิวส์สแตนด์
ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของความพิการทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงรวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของความพิการทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ
1.1 กำหนดลักษณะความพิการทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพของผู้ประสบภัย 10 ประการ คือ 1) อัมพาตทั้งตัว 2) อัมพาตครึ่งท่อน 3) อัมพาตครึ่งซึกไม่สามารถเดินได้ หรือเดินได้โดยใช้เครื่องพยุงและไม่สามารถใช้แขนและมือข้างที่เป็นอัมพาตได้ 4) ตาบอดสองข้าง 5) แขนขาดสองข้าง หรือมือขาดสองข้าง 6) แขนขาดข้างหนึ่งกับมือขาดอีกข้างหนึ่ง 7) ขาขาดสองข้าง หรือขาขาดข้างหนึ่งกับเท้าขาดอีกข้างหนึ่ง 8) เท้าขาดข้างหนึ่งกับมือหรือแขนขาดอีกข้างหนึ่ง 9) สมองเสื่อมหรือได้รับบาดเจ็บถาวรจนทำให้ไม่รู้สึกตัวและไม่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ 10) ความพิการทุพพลภาพ นอกเหนือจาก 1) - 9) ให้คณะกรรมการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยพิจารณากำหนดเป็นราย ๆ ไป โดยให้มีความเห็นของแพทย์ทางราชการไม่น้อยกว่า 2 คน รับรองว่ามีลักษณะทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพประกอบการพิจารณาด้วย
1.2 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2543 เป็นต้นไป
2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ
2.1 การคำนวณเงินชดเชยให้ใช้อัตราเงินเดือนระดับ 3 ขั้นต้น ของบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนที่ใช้อยู่ขณะประสบภัยเป็นตัวตั้งในการคำนวณ (ปัจจุบันอัตรา 6,020 บาท)
2.2 กำหนดอัตราการจ่ายเงินชดเชย โดยคำนึงถึงการสูญเสียอวัยวะที่สำคัญลดหลั่นกันลงมา
2.3 ในกรณีที่ผู้ประสบภัยต้องพิการทุพพลภาพขนาดหนัก นอกจากจะได้รับเงินชดเชยแล้ว ให้ได้รับเงินดำรงชีพในอัตราเดือนละ 2,000 บาทด้วย ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของกระทรวงการคลังในคราวเสนอร่างพระราช-บัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2542 และคาดว่าจะต้องใช้เงินงบประมาณปีละ 2,250,600 บาท
2.4 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2543 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 16 ม.ค. 2544--
-สส-
ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของความพิการทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงรวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของความพิการทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ
1.1 กำหนดลักษณะความพิการทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพของผู้ประสบภัย 10 ประการ คือ 1) อัมพาตทั้งตัว 2) อัมพาตครึ่งท่อน 3) อัมพาตครึ่งซึกไม่สามารถเดินได้ หรือเดินได้โดยใช้เครื่องพยุงและไม่สามารถใช้แขนและมือข้างที่เป็นอัมพาตได้ 4) ตาบอดสองข้าง 5) แขนขาดสองข้าง หรือมือขาดสองข้าง 6) แขนขาดข้างหนึ่งกับมือขาดอีกข้างหนึ่ง 7) ขาขาดสองข้าง หรือขาขาดข้างหนึ่งกับเท้าขาดอีกข้างหนึ่ง 8) เท้าขาดข้างหนึ่งกับมือหรือแขนขาดอีกข้างหนึ่ง 9) สมองเสื่อมหรือได้รับบาดเจ็บถาวรจนทำให้ไม่รู้สึกตัวและไม่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ 10) ความพิการทุพพลภาพ นอกเหนือจาก 1) - 9) ให้คณะกรรมการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยพิจารณากำหนดเป็นราย ๆ ไป โดยให้มีความเห็นของแพทย์ทางราชการไม่น้อยกว่า 2 คน รับรองว่ามีลักษณะทุพพลภาพขนาดหนักจนเป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งในการประกอบอาชีพหรือในการดำรงชีพประกอบการพิจารณาด้วย
1.2 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2543 เป็นต้นไป
2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ
2.1 การคำนวณเงินชดเชยให้ใช้อัตราเงินเดือนระดับ 3 ขั้นต้น ของบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนที่ใช้อยู่ขณะประสบภัยเป็นตัวตั้งในการคำนวณ (ปัจจุบันอัตรา 6,020 บาท)
2.2 กำหนดอัตราการจ่ายเงินชดเชย โดยคำนึงถึงการสูญเสียอวัยวะที่สำคัญลดหลั่นกันลงมา
2.3 ในกรณีที่ผู้ประสบภัยต้องพิการทุพพลภาพขนาดหนัก นอกจากจะได้รับเงินชดเชยแล้ว ให้ได้รับเงินดำรงชีพในอัตราเดือนละ 2,000 บาทด้วย ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของกระทรวงการคลังในคราวเสนอร่างพระราช-บัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2542 และคาดว่าจะต้องใช้เงินงบประมาณปีละ 2,250,600 บาท
2.4 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2543 เป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 16 ม.ค. 2544--
-สส-