1. เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขภาคผนวก 3 ของความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย – นิวซีแลนด์
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้ พณ. ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 และเมื่อลงนามแล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป
3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขภาคผนวก 3 ของความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย – นิวซีแลนด์
4. มอบหมายให้ พณ. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาที่จำเป็น อันเกิดจากผลกระทบของการทำพิธีสารฯ ตามมาตรา 175 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
5. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งการมีผลใช้บังคับของ พิธีสารฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารดังกล่าว และ พณ. ได้มีหนังสือแจ้งยืนยันไปยังกระทรวงการต่างประเทศแล้วว่าได้ดำเนินกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการมีผลใช้บังคับของพิธีสารฯ เสร็จสิ้นแล้ว
6. มอบหมายให้ พณ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และให้ พณ. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาต่อไปด้วย
ร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปริมาณการนำเข้าสินค้าที่มีมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) ตามบัญชีแนบท้ายภาคผนวก 3 ของความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย – นิวซีแลนด์ (TNZCEP) โดยเพิ่มปริมาณการนำเข้า (Trigger volume) ของสินค้า 3 รายการ (6 พิกัดสินค้า) ของไทย ได้แก่ หางนม ไขมันเนย และเนยแข็ง โดยให้เริ่มมีผลในทางปฏิบัติภายในปี 2560
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 พฤษภาคม 2560--