คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรม
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปรายงานสถานการณ์ความแห้งแล้งจนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548 และผลการ
ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ดังนี้
1. สถานการณ์ความแห้งแล้ง มีจังหวัดประสบภัย จำนวน 71 จังหวัด 696 อำเภอ 61 กิ่งอำเภอ
5,340 ตำบล 44,519 หมู่บ้าน (คิดเป็นร้อยละ 60.19 ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ 73,963 หมู่บ้าน)
ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 2,843,540 ครัวเรือน 11,058,902 คน (ข้อมูลถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548)
ตารางเปรียบเทียบพื้นที่ประสบภัยแล้งปี 2546-2548
จำนวนหมู่บ้านทั้งประเทศ ปี/จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง
ปี 2546 ปี 2547 ปี 2548
73,963 หมู่บ้าน 12,904 19,027 44,519
คิดเป็นร้อยละ 17.51 25.73 60.19
พื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง (ภาพรวมทั้งประเทศ)
ประเภทพืช พื้นที่การเกษตรที่ประสบ พื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
ความเสียหายแล้ว (ไร่) จะประสบความเสียหาย (ไร่)
นาข้าว 10,190,292 ไร่ 6,029,059 ไร่
พืชไร่ 3,031,745 ไร่ 3,445,430 ไร่
พืชสวน 514,623 ไร่ 2,281,829 ไร่
รวม 13,736,660 ไร่ 11,756,318 ไร่
มูลค่าความเสียหาย 7,565,861,139 บาท 5,909,796,250 บาท
2. การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ
(1) การช่วยเหลือน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน
- ใช้รถบรรทุกน้ำ 377 คัน 8,306 เที่ยว ปริมาณน้ำ 75,481,180 ลิตร
- ใช้เครื่องสูบน้ำ รวม 32,901 เครื่อง
- สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ 7,689 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำ 4,638 แห่ง
- พื้นที่การเกษตรที่ได้รับการช่วยเหลือ 5,317,000 ไร่
(2) การช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภค/บริโภค
- รถบรรทุกน้ำ จำนวน 2,139 คัน 120,773 เที่ยว
- ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 1,013,244,994 ลิตร
- การเป่าล้างบ่อบาดาล 11,967 บ่อ
- ซ่อมถังน้ำกลาง คสล. 942 ถัง
- ซ่อมประปาหมู่บ้าน 1,639 แห่ง
(3) งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว
- งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด(งบ 50 ล้านบาท)
896,851,630 บาท
- งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
263,637,264.56 บาท
- งบประมาณอื่น ๆ เช่น งบจังหวัด CEO
75,318,299 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,235,807,193.56 บาท
3. การติดตามแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(พลตำรวจเอก ชิดชัย
วรรณสถิตย์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ( นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และนายสมชาย สุนทรวัฒน์)
ได้เดินทางไปประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น การ
ช่วยเหลือ/ปัญหาอุปสรรค และมอบนโยบายมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในแต่ละภาค เพื่อให้จังหวัดและหน่วยงาน
ที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม — มิถุนายน 2548
สรุปผลการประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์ภัยแล้ง ได้ดังนี้
1. เรื่องน้ำอุปโภคบริโภค ทุกจังหวัดสามารถดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้ง
ได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2548 โดยไม่มีปัญหา โดยพื้นที่ที่ต้องดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มงวด มีดังนี้
- ในพื้นที่ที่ใช้น้ำจากเขื่อนลำตะคอง ลำพระเพลิง (จ.นครราชสีมา)
เขื่อนทับเสลา (จ.อุทัยธานี) เขื่อน กระเสียว (จ.สุพรรณบุรี) เขื่อนแก่งกระจาน (จ.เพชรบุรี) และเขื่อน
ปราณบุรี (จ.ประจวบคีรีขันธ์) ต้องสงวนน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคเท่านั้น โดยมีมาตรการเข้มงวดในการ
ใช้น้ำตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
- จ.สุโขทัยได้แก้ไขปัญหาโดยขุดคลองส่งน้ำเพื่อผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วย
ท่าแพลงสู่แม่น้ำยม เพื่อให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมเพียงพอกับการผลิตประปาในเขตอำเภอศรีสัชนาลัย สวรรคโลก
ศรีสำโรง เมืองฯ และกงไกรลาศ
- จ.ชลบุรี ขอให้ชลประทานสนับสนุนน้ำจากอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลให้
แก่ประปาเมืองพัทยา และจากเขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา ให้แก่การประปาในพื้นที่ชลบุรี
2. สถานการณ์การปลูกพืชฤดูแล้ง/นาปรัง ปี 2547-2548
- ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2547-2548 รวมทุกภาค
เขตพื้นที่ เป้าหมาย (ล้านไร่) ปลูกจริง (ล้านไร่)
นาปรัง พืชไร่-ผัก รวม นาปรัง พืชไร่-ผัก รวม
ในเขตชลประทาน 5.4 0.95 6.35 5.04 0.5 5.54
นอกเขตชลประทาน 2.12 1.72 3.84 2.04 1.44 3.48
รวม 7.52 2.67 10.19 7.08 1.94 9.02
หมายเหตุ - ข้าวนาปรัง ขณะนี้เพาะปลูก 7.08 ล้านไร่ (94.15 เปอร์เซ็นต์) คาดว่าจะเก็บเกี่ยวหมด
ภายในเดือนเมษายน 2548
- ในภาพรวมต่ำกว่าเป้าหมาย
- ยกเว้นภาคกลาง ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2547-2548 เกินกว่าเป้าหมายรวม 16.2 %
เขตพื้นที่ เป้าหมาย (ล้านไร่) ปลูกจริง (ล้านไร่)
นาปรัง พืชไร่-ผัก รวม นาปรัง พืชไร่-ผัก รวม
ในเขตชลประทาน 1,721,600 29,000 1,750,600 2,034,275 336,ล533 2,067,928
นอกเขตชลประทาน 27,800 20,800 48,600 277 22,445 22,722
รวม 1,749,400 49,800 1,799,200 2,034,552 56,098 2,090,650
(เกิน 16%) (เกิน 12.6%) (เกิน 16.2%)
ทุกจังหวัดจะขอความร่วมมือเกษตรกรงดทำนาปรังครั้งที่ 2 และงดปลูกพืชฤดูแล้งในพื้นที่ห้ามปลูก
ตามมาตรการของกระทรวงเกษตรฯ อย่างเข้มงวด
3. การทำฝนหลวง จังหวัดร้องขอให้สำนักฝนหลวงเร่งทำฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรนอก
เขตชลประทาน สวนผลไม้และพืชไร่ที่คาดว่าจะเสียหาย ดังนี้
- ภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด จ.อุตรดิตถ์ พะเยา น่าน ลำปาง สุโขทัย
อุทัยธานี กำแพงเพชร และพิษณุโลก (ในพื้นที่ อ.นครไทย ชาติตระการ และวังทอง)
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกจังหวัด 19 จังหวัด ขอให้ช่วยดำเนินการจัดทำ
ฝนหลวงโดยด่วน (โดยในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สามารถทำให้มีฝนตกบ้างในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา
เลย ขอนแก่น มหาสารคาม หนองบัวลำภู แต่ยังไม่เพียงพอ)
- ภาคกลางและภาคตะวันออก 8 จังหวัด ได้แก่ จ.ลพบุรี สระบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรี
ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
- ภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สตูล และ
สงขลา
4. การขุดบ่อบาดาล/เป่าล้างบ่อ
ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลประสานแผนพื้นที่ดำเนินการเป่าล้างบ่อบาดาล ซ่อมเครื่อง
สูบน้ำ บ่อบาดาล และพื้นที่ขุดบ่อบาดาล กับจังหวัดก่อน เพื่อจะได้เข้าไปดำเนินการช่วยเหลือให้แก่หมู่บ้านที่ประสบ
ภัยแล้งตามลำดับความรุนแรงของปัญหา โดยขอให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2548 หาก
ไม่ทันขอให้จ้างเอกชนเข้าช่วยเหลือ
5. การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ขอให้สนับสนุนงบประมาณใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่
1) การขุดลอกแหล่งน้ำ ลำห้วย หนอง บึง ที่ตื้นเขินในหมู่บ้านชนบท เพื่อเก็บกักน้ำใน
ช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในฤดูแล้งปีหน้า
2) มอบให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางในพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งได้สำรวจ
ออกแบบแล้วให้มากขึ้น
3) สร้างระบบประปาหมู่บ้านในหมู่บ้านแล้งรุนแรง 13,460 หมู่บ้าน (ข้อมูล กชช.2ค.
และข้อมูลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ที่ไม่มีระบบประปาหมู่บ้านให้ครบทุกหมู่บ้าน
สำหรับมาตรการเร่งด่วนให้ทุกจังหวัดดำเนินการในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน 2548 แก้ไขปัญหาภัย
แล้งในภาวะเร่งด่วนดังนี้
1) ให้จังหวัดประสานงานสำนักฝนหลวง เร่งปฏิบัติการฝนหลวงทันทีเมื่อมีเมฆหรือ
สภาวะอากาศเอื้ออำนวย
2) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นจัดระบบการแจกจ่ายน้ำโดยประสานกับจุดจ่ายน้ำของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในพื้นที่ต่างๆ จำนวน
2,000 แห่ง เพื่อรับน้ำไปแจกจ่าย หมู่บ้านประสบภัยแล้ง และแจ้งให้ผู้จัดการการประปาภูมิภาค จำนวน 528
หน่วยบริการ เตรียมการผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 แจกจ่ายให้หมู่บ้านประสบภัยแล้ง
3) ให้จังหวัดประสานงานกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เร่งซ่อมบ่อบาดาลเดิม โดยเป่าล้าง
บ่อ 20,000 บ่อ ซ่อมเครื่องสูบน้ำบ่อบาดาล 9,500 เครื่อง ปรับระดับเครื่องสูบน้ำ (ระดับน้ำใต้ดินต่ำลง) และ
ขุดบ่อบาดาล เพิ่มเติมในหมู่บ้านแล้งรุนแรง 4,628 บ่อ ให้แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2548 หากดำเนินการไม่ทัน
ให้จ้างเอกชนเข้าร่วมดำเนินการ โดยให้ประสานแผนกับจังหวัดกำหนดพื้นที่ดำเนินการในหมู่บ้านแล้งรุนแรงก่อนเป็น
ลำดับแรก
สำหรับหมู่บ้านที่ไม่อยู่ในแผน แต่มีความจำเป็นต้องเป่าล้างบ่อหรือขุดบ่อบาดาลเพิ่มเติม
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้งบจังหวัด CEO หรืองบฉุกเฉินของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้
โดยด่วนต่อไป
4) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในเขตลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างกำชับให้เกษตรกรงดการปลูก
ข้าวนาปรังครั้งที่ 2 โดยเด็ดขาด สำหรับในเขตพื้นที่อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในขั้นวิกฤต 6 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อน
ลำตะคอง เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนกระเสียว เขื่อนทับเสลา เขื่อนแก่งกระจาน และเขื่อนปราณบุรี ให้จังหวัด
ประกาศให้เกษตรกรงดการปลูกพืชฤดูแล้ง และสงวนน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค เท่านั้น
5) ให้จังหวัดพิจารณาขุดลอกแหล่งน้ำขนาดเล็ก ก่อสร้างฝายประชาอาสา จัดหาถังน้ำ
กลางประจำหมู่บ้าน โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณในเบื้องต้น หากเกินขีดความสามารถให้
ร้องขอไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่อไป
6) ให้จังหวัดประกาศเชิญชวนเอกชนผู้ประสงค์ที่จะทำการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณ
ประโยชน์ที่ตื้นเขิน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
ที่ตื้นเขิน พ.ศ. 2547 ได้แก่ ลำราง ลำห้วย หนอง บึงคลอง หรือ แหล่งน้ำอื่น ๆ โดยวัสดุที่ได้จากการ
ขุดลอก ผู้ขุดลอกนำไปเป็นประโยชน์ของตนแทน
ค่าจ้าง โดยให้ตีราคาของวัสดุแล้วให้หักกลบจากค่าจ้าง ถ้ามีราคาเกินกว่าค่าจ้างผู้
ขุดลอกต้องจ่ายเงินส่วนเกินคืนให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
7) ให้จังหวัดบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ทั่วถึงเป็นธรรม
8) รณรงค์ให้ประชาชนประหยัดการใช้น้ำ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 มีนาคม 2548--จบ--
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปรายงานสถานการณ์ความแห้งแล้งจนถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548 และผลการ
ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ดังนี้
1. สถานการณ์ความแห้งแล้ง มีจังหวัดประสบภัย จำนวน 71 จังหวัด 696 อำเภอ 61 กิ่งอำเภอ
5,340 ตำบล 44,519 หมู่บ้าน (คิดเป็นร้อยละ 60.19 ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ 73,963 หมู่บ้าน)
ราษฎรเดือดร้อน จำนวน 2,843,540 ครัวเรือน 11,058,902 คน (ข้อมูลถึงวันที่ 21 มีนาคม 2548)
ตารางเปรียบเทียบพื้นที่ประสบภัยแล้งปี 2546-2548
จำนวนหมู่บ้านทั้งประเทศ ปี/จำนวนหมู่บ้านที่ประสบภัยแล้ง
ปี 2546 ปี 2547 ปี 2548
73,963 หมู่บ้าน 12,904 19,027 44,519
คิดเป็นร้อยละ 17.51 25.73 60.19
พื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง (ภาพรวมทั้งประเทศ)
ประเภทพืช พื้นที่การเกษตรที่ประสบ พื้นที่การเกษตรที่คาดว่า
ความเสียหายแล้ว (ไร่) จะประสบความเสียหาย (ไร่)
นาข้าว 10,190,292 ไร่ 6,029,059 ไร่
พืชไร่ 3,031,745 ไร่ 3,445,430 ไร่
พืชสวน 514,623 ไร่ 2,281,829 ไร่
รวม 13,736,660 ไร่ 11,756,318 ไร่
มูลค่าความเสียหาย 7,565,861,139 บาท 5,909,796,250 บาท
2. การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ
(1) การช่วยเหลือน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน
- ใช้รถบรรทุกน้ำ 377 คัน 8,306 เที่ยว ปริมาณน้ำ 75,481,180 ลิตร
- ใช้เครื่องสูบน้ำ รวม 32,901 เครื่อง
- สร้างทำนบ/ฝายเก็บกักน้ำ 7,689 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำ 4,638 แห่ง
- พื้นที่การเกษตรที่ได้รับการช่วยเหลือ 5,317,000 ไร่
(2) การช่วยเหลือด้านน้ำอุปโภค/บริโภค
- รถบรรทุกน้ำ จำนวน 2,139 คัน 120,773 เที่ยว
- ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย จำนวน 1,013,244,994 ลิตร
- การเป่าล้างบ่อบาดาล 11,967 บ่อ
- ซ่อมถังน้ำกลาง คสล. 942 ถัง
- ซ่อมประปาหมู่บ้าน 1,639 แห่ง
(3) งบประมาณดำเนินการใช้จ่ายไปแล้ว
- งบฉุกเฉินทดรองราชการของจังหวัด(งบ 50 ล้านบาท)
896,851,630 บาท
- งบฉุกเฉินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
263,637,264.56 บาท
- งบประมาณอื่น ๆ เช่น งบจังหวัด CEO
75,318,299 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,235,807,193.56 บาท
3. การติดตามแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(พลตำรวจเอก ชิดชัย
วรรณสถิตย์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ( นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช และนายสมชาย สุนทรวัฒน์)
ได้เดินทางไปประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น การ
ช่วยเหลือ/ปัญหาอุปสรรค และมอบนโยบายมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในแต่ละภาค เพื่อให้จังหวัดและหน่วยงาน
ที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม — มิถุนายน 2548
สรุปผลการประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์ภัยแล้ง ได้ดังนี้
1. เรื่องน้ำอุปโภคบริโภค ทุกจังหวัดสามารถดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้ง
ได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2548 โดยไม่มีปัญหา โดยพื้นที่ที่ต้องดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มงวด มีดังนี้
- ในพื้นที่ที่ใช้น้ำจากเขื่อนลำตะคอง ลำพระเพลิง (จ.นครราชสีมา)
เขื่อนทับเสลา (จ.อุทัยธานี) เขื่อน กระเสียว (จ.สุพรรณบุรี) เขื่อนแก่งกระจาน (จ.เพชรบุรี) และเขื่อน
ปราณบุรี (จ.ประจวบคีรีขันธ์) ต้องสงวนน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคเท่านั้น โดยมีมาตรการเข้มงวดในการ
ใช้น้ำตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
- จ.สุโขทัยได้แก้ไขปัญหาโดยขุดคลองส่งน้ำเพื่อผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วย
ท่าแพลงสู่แม่น้ำยม เพื่อให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมเพียงพอกับการผลิตประปาในเขตอำเภอศรีสัชนาลัย สวรรคโลก
ศรีสำโรง เมืองฯ และกงไกรลาศ
- จ.ชลบุรี ขอให้ชลประทานสนับสนุนน้ำจากอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลให้
แก่ประปาเมืองพัทยา และจากเขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา ให้แก่การประปาในพื้นที่ชลบุรี
2. สถานการณ์การปลูกพืชฤดูแล้ง/นาปรัง ปี 2547-2548
- ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2547-2548 รวมทุกภาค
เขตพื้นที่ เป้าหมาย (ล้านไร่) ปลูกจริง (ล้านไร่)
นาปรัง พืชไร่-ผัก รวม นาปรัง พืชไร่-ผัก รวม
ในเขตชลประทาน 5.4 0.95 6.35 5.04 0.5 5.54
นอกเขตชลประทาน 2.12 1.72 3.84 2.04 1.44 3.48
รวม 7.52 2.67 10.19 7.08 1.94 9.02
หมายเหตุ - ข้าวนาปรัง ขณะนี้เพาะปลูก 7.08 ล้านไร่ (94.15 เปอร์เซ็นต์) คาดว่าจะเก็บเกี่ยวหมด
ภายในเดือนเมษายน 2548
- ในภาพรวมต่ำกว่าเป้าหมาย
- ยกเว้นภาคกลาง ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2547-2548 เกินกว่าเป้าหมายรวม 16.2 %
เขตพื้นที่ เป้าหมาย (ล้านไร่) ปลูกจริง (ล้านไร่)
นาปรัง พืชไร่-ผัก รวม นาปรัง พืชไร่-ผัก รวม
ในเขตชลประทาน 1,721,600 29,000 1,750,600 2,034,275 336,ล533 2,067,928
นอกเขตชลประทาน 27,800 20,800 48,600 277 22,445 22,722
รวม 1,749,400 49,800 1,799,200 2,034,552 56,098 2,090,650
(เกิน 16%) (เกิน 12.6%) (เกิน 16.2%)
ทุกจังหวัดจะขอความร่วมมือเกษตรกรงดทำนาปรังครั้งที่ 2 และงดปลูกพืชฤดูแล้งในพื้นที่ห้ามปลูก
ตามมาตรการของกระทรวงเกษตรฯ อย่างเข้มงวด
3. การทำฝนหลวง จังหวัดร้องขอให้สำนักฝนหลวงเร่งทำฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรนอก
เขตชลประทาน สวนผลไม้และพืชไร่ที่คาดว่าจะเสียหาย ดังนี้
- ภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด จ.อุตรดิตถ์ พะเยา น่าน ลำปาง สุโขทัย
อุทัยธานี กำแพงเพชร และพิษณุโลก (ในพื้นที่ อ.นครไทย ชาติตระการ และวังทอง)
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกจังหวัด 19 จังหวัด ขอให้ช่วยดำเนินการจัดทำ
ฝนหลวงโดยด่วน (โดยในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สามารถทำให้มีฝนตกบ้างในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา
เลย ขอนแก่น มหาสารคาม หนองบัวลำภู แต่ยังไม่เพียงพอ)
- ภาคกลางและภาคตะวันออก 8 จังหวัด ได้แก่ จ.ลพบุรี สระบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรี
ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
- ภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สตูล และ
สงขลา
4. การขุดบ่อบาดาล/เป่าล้างบ่อ
ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลประสานแผนพื้นที่ดำเนินการเป่าล้างบ่อบาดาล ซ่อมเครื่อง
สูบน้ำ บ่อบาดาล และพื้นที่ขุดบ่อบาดาล กับจังหวัดก่อน เพื่อจะได้เข้าไปดำเนินการช่วยเหลือให้แก่หมู่บ้านที่ประสบ
ภัยแล้งตามลำดับความรุนแรงของปัญหา โดยขอให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2548 หาก
ไม่ทันขอให้จ้างเอกชนเข้าช่วยเหลือ
5. การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ขอให้สนับสนุนงบประมาณใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่
1) การขุดลอกแหล่งน้ำ ลำห้วย หนอง บึง ที่ตื้นเขินในหมู่บ้านชนบท เพื่อเก็บกักน้ำใน
ช่วงฤดูฝนไว้ใช้ในฤดูแล้งปีหน้า
2) มอบให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางในพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งได้สำรวจ
ออกแบบแล้วให้มากขึ้น
3) สร้างระบบประปาหมู่บ้านในหมู่บ้านแล้งรุนแรง 13,460 หมู่บ้าน (ข้อมูล กชช.2ค.
และข้อมูลของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น) ที่ไม่มีระบบประปาหมู่บ้านให้ครบทุกหมู่บ้าน
สำหรับมาตรการเร่งด่วนให้ทุกจังหวัดดำเนินการในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน 2548 แก้ไขปัญหาภัย
แล้งในภาวะเร่งด่วนดังนี้
1) ให้จังหวัดประสานงานสำนักฝนหลวง เร่งปฏิบัติการฝนหลวงทันทีเมื่อมีเมฆหรือ
สภาวะอากาศเอื้ออำนวย
2) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นจัดระบบการแจกจ่ายน้ำโดยประสานกับจุดจ่ายน้ำของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในพื้นที่ต่างๆ จำนวน
2,000 แห่ง เพื่อรับน้ำไปแจกจ่าย หมู่บ้านประสบภัยแล้ง และแจ้งให้ผู้จัดการการประปาภูมิภาค จำนวน 528
หน่วยบริการ เตรียมการผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 แจกจ่ายให้หมู่บ้านประสบภัยแล้ง
3) ให้จังหวัดประสานงานกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เร่งซ่อมบ่อบาดาลเดิม โดยเป่าล้าง
บ่อ 20,000 บ่อ ซ่อมเครื่องสูบน้ำบ่อบาดาล 9,500 เครื่อง ปรับระดับเครื่องสูบน้ำ (ระดับน้ำใต้ดินต่ำลง) และ
ขุดบ่อบาดาล เพิ่มเติมในหมู่บ้านแล้งรุนแรง 4,628 บ่อ ให้แล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2548 หากดำเนินการไม่ทัน
ให้จ้างเอกชนเข้าร่วมดำเนินการ โดยให้ประสานแผนกับจังหวัดกำหนดพื้นที่ดำเนินการในหมู่บ้านแล้งรุนแรงก่อนเป็น
ลำดับแรก
สำหรับหมู่บ้านที่ไม่อยู่ในแผน แต่มีความจำเป็นต้องเป่าล้างบ่อหรือขุดบ่อบาดาลเพิ่มเติม
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้งบจังหวัด CEO หรืองบฉุกเฉินของจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้
โดยด่วนต่อไป
4) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในเขตลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างกำชับให้เกษตรกรงดการปลูก
ข้าวนาปรังครั้งที่ 2 โดยเด็ดขาด สำหรับในเขตพื้นที่อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในขั้นวิกฤต 6 อ่าง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อน
ลำตะคอง เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนกระเสียว เขื่อนทับเสลา เขื่อนแก่งกระจาน และเขื่อนปราณบุรี ให้จังหวัด
ประกาศให้เกษตรกรงดการปลูกพืชฤดูแล้ง และสงวนน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภค บริโภค เท่านั้น
5) ให้จังหวัดพิจารณาขุดลอกแหล่งน้ำขนาดเล็ก ก่อสร้างฝายประชาอาสา จัดหาถังน้ำ
กลางประจำหมู่บ้าน โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนงบประมาณในเบื้องต้น หากเกินขีดความสามารถให้
ร้องขอไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต่อไป
6) ให้จังหวัดประกาศเชิญชวนเอกชนผู้ประสงค์ที่จะทำการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณ
ประโยชน์ที่ตื้นเขิน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์
ที่ตื้นเขิน พ.ศ. 2547 ได้แก่ ลำราง ลำห้วย หนอง บึงคลอง หรือ แหล่งน้ำอื่น ๆ โดยวัสดุที่ได้จากการ
ขุดลอก ผู้ขุดลอกนำไปเป็นประโยชน์ของตนแทน
ค่าจ้าง โดยให้ตีราคาของวัสดุแล้วให้หักกลบจากค่าจ้าง ถ้ามีราคาเกินกว่าค่าจ้างผู้
ขุดลอกต้องจ่ายเงินส่วนเกินคืนให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
7) ให้จังหวัดบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ทั่วถึงเป็นธรรม
8) รณรงค์ให้ประชาชนประหยัดการใช้น้ำ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 มีนาคม 2548--จบ--