ทำเนียบรัฐบาล--30 ม.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีรับทราบการดำเนินการของคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2543 เห็นชอบในหลักการแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและการใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิงตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สำหรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตและกองทุน มอบให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติรับไปพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ นั้น กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำข้อเสนอเรื่องการลดหย่อนภาษีสรรพสามิตและอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์เข้าพิจารณาในกาารประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2543 และที่ประชุมมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำกลับไปพิจารณาในคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติให้มีความชัดเจนก่อนในประเด็นของการลดหย่อนภาษีสรรพสามิต การยกเว้นการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งการพิจารณาภาระต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นทางด้านผู้ผลิตยานยนต์ ผู้จัดจำหน่าย และผู้บริโภค แล้วจึงนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาอีกครั้ง
คณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 1/2544 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2544 ได้พิจารณาภาษีสรรพสามิตของเอทานอล และนโยบายการกำหนดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์แล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตของเอทานอลหน้าโรงงาน (0.05 บาท/ลิตร)
2. กำหนดให้มีสัดส่วนการผสมเอทานอล 10% คงที่ในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และยกเว้นภาษีสรรพสามิตในส่วนของเอทานอลที่เติมในเนื้อน้ำมันนั้น (คิดภาษีสรรพสามิตในอัตรา 90% ของภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินเดิม)
3. ในส่วนของราคาจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์นั้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้บริโภคทั้งที่ใช้น้ำมันออกเทน 91และ 95 เดิม หันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าภาครัฐให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเต็มที่ ดังนั้นในระยะ 3 ปีแรก จึงเห็นควรให้กำหนดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่ำกว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95 ประมาณ 1 บาท/ลิตร (ซึ่งจะเท่ากับราคาของนน้ำมันเบนซิน 91 ในปัจจุบัน) โดยยกเว้นภาษีสรรพสามิตของเอทานอล และน้ำมันแก๊สโซฮอล์เฉพาะส่วนของเอทานอล รวมทั้งลดหย่อนหรือยกเว้นอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามภาระราคาน้ำมัน ทั้งนี้ ในช่วงแรกซึ่งจะยังมีการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ปริมาณน้อย น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อกองทุนน้ำมันไม่มากนัก
4. กำหนดให้มีกองทุนเพื่อรักษาระดับราคาเอทานอลที่ใช้ผสมในน้ำมันแก๊สโซฮอล์
กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการเสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติตามข้างต้นให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาด้วยแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 ม.ค. 2544--
-สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบการดำเนินการของคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2543 เห็นชอบในหลักการแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและการใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิงตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สำหรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตและกองทุน มอบให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติรับไปพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ นั้น กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำข้อเสนอเรื่องการลดหย่อนภาษีสรรพสามิตและอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์เข้าพิจารณาในกาารประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2543 และที่ประชุมมีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำกลับไปพิจารณาในคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติให้มีความชัดเจนก่อนในประเด็นของการลดหย่อนภาษีสรรพสามิต การยกเว้นการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งการพิจารณาภาระต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นทางด้านผู้ผลิตยานยนต์ ผู้จัดจำหน่าย และผู้บริโภค แล้วจึงนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาอีกครั้ง
คณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 1/2544 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2544 ได้พิจารณาภาษีสรรพสามิตของเอทานอล และนโยบายการกำหนดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์แล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตของเอทานอลหน้าโรงงาน (0.05 บาท/ลิตร)
2. กำหนดให้มีสัดส่วนการผสมเอทานอล 10% คงที่ในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ และยกเว้นภาษีสรรพสามิตในส่วนของเอทานอลที่เติมในเนื้อน้ำมันนั้น (คิดภาษีสรรพสามิตในอัตรา 90% ของภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินเดิม)
3. ในส่วนของราคาจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์นั้น เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้บริโภคทั้งที่ใช้น้ำมันออกเทน 91และ 95 เดิม หันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าภาครัฐให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเต็มที่ ดังนั้นในระยะ 3 ปีแรก จึงเห็นควรให้กำหนดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ต่ำกว่าราคาน้ำมันเบนซิน 95 ประมาณ 1 บาท/ลิตร (ซึ่งจะเท่ากับราคาของนน้ำมันเบนซิน 91 ในปัจจุบัน) โดยยกเว้นภาษีสรรพสามิตของเอทานอล และน้ำมันแก๊สโซฮอล์เฉพาะส่วนของเอทานอล รวมทั้งลดหย่อนหรือยกเว้นอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามภาระราคาน้ำมัน ทั้งนี้ ในช่วงแรกซึ่งจะยังมีการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ปริมาณน้อย น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อกองทุนน้ำมันไม่มากนัก
4. กำหนดให้มีกองทุนเพื่อรักษาระดับราคาเอทานอลที่ใช้ผสมในน้ำมันแก๊สโซฮอล์
กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการเสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติตามข้างต้นให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณาด้วยแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 30 ม.ค. 2544--
-สส-