ทำเนียบรัฐบาล--27 มิ.ย.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานการตรวจราชการดูพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในเขตลุ่มน้ำชีช่วงจังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ดและอุบลราชธานี โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมชลประทาน ระหว่างวันที่ 22-25 มิถุนายน 2543
ทั้งนี้ ข้อสรุปการแก้ไขป้องกันและบรรเทาปัญหาเรื่องทรัพยากรน้ำ กรมชลประทานถือเป็นนดยบายจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขบรรเทาป้องกันและปัญหาเรื่องน้ำ ดังนี้
1. ให้ศึกษาและดำเนินการปรับปรุง ศักยภาพความจุของน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีอยู่ให้สามารถเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอีก
2. ให้ทำการปรับปรุงขุดลอก ขยายเพิ่มเติมทางระบายน้ำธรรมชาติให้มีศักยภาพในการระบายและใช้น้ำได้เพิ่มมากขึ้น
3. ให้พิจารณาปรับปรุงอาคารต่าง ๆ เช่น ฝายประชาอาสาในทางน้ำธรรมชาติที่กีดขวางหรือเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ และที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำท่วมให้มีสมรรถนะในการระบายน้ำ และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
4. ในกรณีที่ได้รับการร้องขอจากชุมชน,ตำบล,อำเภอ,จังหวัด หรือท้องถิ่นใดที่เกี่ยวกับเรื่องให้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและสิ่งแวดล้อมเรื่องน้ำ เช่น การขุดลอก, การก่อสร้างพนังกั้นน้ำและอาคารเพื่อป้องกันแก้ไขบรรเทาอุทกภัยหรือน้ำเสียต่าง ๆ ให้กรมชลประทานดำเนินการตอบสนองและแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้โดยเร็ว
ส่วนเรื่องการจัดหาและแก้ไขปัญหาที่ดิน ที่จะดำเนินการตามการร้องขอให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่นหรือผู้ร้องขอเป็นผู้ดำเนินการให้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 มิ.ย. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานการตรวจราชการดูพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในเขตลุ่มน้ำชีช่วงจังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ดและอุบลราชธานี โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมชลประทาน ระหว่างวันที่ 22-25 มิถุนายน 2543
ทั้งนี้ ข้อสรุปการแก้ไขป้องกันและบรรเทาปัญหาเรื่องทรัพยากรน้ำ กรมชลประทานถือเป็นนดยบายจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาดำเนินการแก้ไขปรับปรุงสภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขบรรเทาป้องกันและปัญหาเรื่องน้ำ ดังนี้
1. ให้ศึกษาและดำเนินการปรับปรุง ศักยภาพความจุของน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีอยู่ให้สามารถเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอีก
2. ให้ทำการปรับปรุงขุดลอก ขยายเพิ่มเติมทางระบายน้ำธรรมชาติให้มีศักยภาพในการระบายและใช้น้ำได้เพิ่มมากขึ้น
3. ให้พิจารณาปรับปรุงอาคารต่าง ๆ เช่น ฝายประชาอาสาในทางน้ำธรรมชาติที่กีดขวางหรือเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ และที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำท่วมให้มีสมรรถนะในการระบายน้ำ และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
4. ในกรณีที่ได้รับการร้องขอจากชุมชน,ตำบล,อำเภอ,จังหวัด หรือท้องถิ่นใดที่เกี่ยวกับเรื่องให้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและสิ่งแวดล้อมเรื่องน้ำ เช่น การขุดลอก, การก่อสร้างพนังกั้นน้ำและอาคารเพื่อป้องกันแก้ไขบรรเทาอุทกภัยหรือน้ำเสียต่าง ๆ ให้กรมชลประทานดำเนินการตอบสนองและแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้โดยเร็ว
ส่วนเรื่องการจัดหาและแก้ไขปัญหาที่ดิน ที่จะดำเนินการตามการร้องขอให้เป็นหน้าที่ของท้องถิ่นหรือผู้ร้องขอเป็นผู้ดำเนินการให้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 27 มิ.ย. 2543--
-สส-