ทำเนียบรัฐบาล--8 ส.ค.--นิวส์สแตนด์
25. เรื่อง การช่วยเหลือลดราคาน้ำมันให้ชาวประมง
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติเงื่อนไขในการช่วยเหลือลดราคาน้ำมันให้ชาวประมง รวม 6 ประการ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2543 เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าในการบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. คุณสมบัติของเรือประมง
1.1 ต้องเป็นเรือขนาดความยาวไม่เกิน 18 เมตร
1.2 เรือขนาดความยาวมากกว่า 14 เมตร ต้องมีทะเบียนเรือไทยและมีอาชญาบัตรทำการประมง
1.3 เรือขนาดความยาวไม่เกิน 14 เมตร ไม่ต้องมีทะเบียนเรือไทย แต่ต้องมีหนังสือรับรองจากนายกสมาคมท้องถิ่น กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ว่าประกอบอาชีพทำการประมง และมีอาชญาบัตรทำการประมง
2. เกณฑ์ส่วนลดราคาน้ำมัน จะชดเชยราคาน้ำมันได้เพียงส่วนต่างจาก 7.95 บาท (ซึ่งเป็นราคาน้ำมันในวันที่ 7 กันยายน 2541 ตามมติ คชก. เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2541) ของราคาน้ำมัน ณ กรุงเทพมหานคร ตามประกาศของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 1 ของแต่ละเดือน แต่ไม่เกิน 3.00 บาท
3. อนุมัติให้ใช้เงินจากกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร ในวงเงิน 321 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดทุนให้กับกลุ่ม/สหกรณ์/องค์การสะพานปลา ที่เข้าร่วมในโครงการ
4. ระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน
5. ค่าดำเนินการ ภายในวงเงินร้อยละ 3 ของเงินที่ได้รับอนุมัติตามข้อ 3.
6. จ้างลูกจ้างชั่วคราว จำนวน 6 คน ในระยะเวลาดเนินการ และหลังจากนั้นอีก 3 เดือน พร้อมการเช่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตามความจำเป็น
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ตามที่ได้มีการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 14 พฤษภาคม 2539, 25 มิถุนายน 2539, 11 สิงหาคม 2540, 25 สิงหาคม 2541, 21 กันยายน 2542 และวันที่ 11 เมษายน 2543 ในการชดเชยการขาดทุนราคาน้ำมันให้ชาวประมงไม่เกินลิตรละ 3.00 บาท และจะสิ้นสุดโครงการในเดือนสิงหาคม 2543 แต่โครงการฯ ได้ยุติการช่วยเหลือในเดือนมิถุนายน 2543 เนื่องจากเงินกองทุนในวงเงิน 420 ล้านบาท ได้หมดลง ประกอบกับปัจจุบันราคาน้ำมันยังคงมีราคาสูงขึ้นอีก โดยมีราคาลิตรละมากกว่า 13.00 บาท ขณะที่ในระยะต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ประมาณ 12.38 บาท ซึ่งสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2543 ขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงซึ่งน้ำมันเป็นต้นทุนหลักในการทำประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงได้พิจารณาถึงความเดือดร้อนของชาวประมง เห็นสมควรให้ความช่วยเหลือลดราคาน้ำมันให้ชาวประมงต่อไปอีกเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งประมาณว่าจะมีเรือเข้าร่วมโครงการ 10,000 ลำ จากเดิมที่เข้าร่วมโครงการเพียง 5,400 ลำ จึงได้นำเรื่องเสนอเข้าคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อพิจารณาเงื่อนไขการช่วยเหลือลดราคาน้ำมันให้ชาวประมง ซึ่ง คชก. พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบ และเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเงื่อนไขรวม 6 ประการดังกล่าว
ทั้งนี้ ชาวประมงจะได้รับส่วนลดโดยรวมทั้งหมดตามโครงสร้างของราคาน้ำมันที่ใช้ในโครงการฯ ซึ่งจะกำหนดอัตราต่อลิตรเมื่อเริ่มดำเนินการ ดังนี้
1) ได้รับชดเชยการขาดทุนราคาน้ำมันโดยเงินจาก คชก. ตามข้อ 2.
2) ยกเว้นการเติมสาร additive
3) ลดค่าการตลาด
4) ภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนที่ลดลง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 8 ส.ค. 2543--
-สส-
25. เรื่อง การช่วยเหลือลดราคาน้ำมันให้ชาวประมง
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติเงื่อนไขในการช่วยเหลือลดราคาน้ำมันให้ชาวประมง รวม 6 ประการ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2543 เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าในการบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. คุณสมบัติของเรือประมง
1.1 ต้องเป็นเรือขนาดความยาวไม่เกิน 18 เมตร
1.2 เรือขนาดความยาวมากกว่า 14 เมตร ต้องมีทะเบียนเรือไทยและมีอาชญาบัตรทำการประมง
1.3 เรือขนาดความยาวไม่เกิน 14 เมตร ไม่ต้องมีทะเบียนเรือไทย แต่ต้องมีหนังสือรับรองจากนายกสมาคมท้องถิ่น กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ว่าประกอบอาชีพทำการประมง และมีอาชญาบัตรทำการประมง
2. เกณฑ์ส่วนลดราคาน้ำมัน จะชดเชยราคาน้ำมันได้เพียงส่วนต่างจาก 7.95 บาท (ซึ่งเป็นราคาน้ำมันในวันที่ 7 กันยายน 2541 ตามมติ คชก. เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2541) ของราคาน้ำมัน ณ กรุงเทพมหานคร ตามประกาศของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 1 ของแต่ละเดือน แต่ไม่เกิน 3.00 บาท
3. อนุมัติให้ใช้เงินจากกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร ในวงเงิน 321 ล้านบาท เพื่อชดเชยการขาดทุนให้กับกลุ่ม/สหกรณ์/องค์การสะพานปลา ที่เข้าร่วมในโครงการ
4. ระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน
5. ค่าดำเนินการ ภายในวงเงินร้อยละ 3 ของเงินที่ได้รับอนุมัติตามข้อ 3.
6. จ้างลูกจ้างชั่วคราว จำนวน 6 คน ในระยะเวลาดเนินการ และหลังจากนั้นอีก 3 เดือน พร้อมการเช่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ตามความจำเป็น
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ตามที่ได้มีการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 14 พฤษภาคม 2539, 25 มิถุนายน 2539, 11 สิงหาคม 2540, 25 สิงหาคม 2541, 21 กันยายน 2542 และวันที่ 11 เมษายน 2543 ในการชดเชยการขาดทุนราคาน้ำมันให้ชาวประมงไม่เกินลิตรละ 3.00 บาท และจะสิ้นสุดโครงการในเดือนสิงหาคม 2543 แต่โครงการฯ ได้ยุติการช่วยเหลือในเดือนมิถุนายน 2543 เนื่องจากเงินกองทุนในวงเงิน 420 ล้านบาท ได้หมดลง ประกอบกับปัจจุบันราคาน้ำมันยังคงมีราคาสูงขึ้นอีก โดยมีราคาลิตรละมากกว่า 13.00 บาท ขณะที่ในระยะต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ประมาณ 12.38 บาท ซึ่งสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2543 ขอให้พิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวประมงซึ่งน้ำมันเป็นต้นทุนหลักในการทำประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงได้พิจารณาถึงความเดือดร้อนของชาวประมง เห็นสมควรให้ความช่วยเหลือลดราคาน้ำมันให้ชาวประมงต่อไปอีกเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งประมาณว่าจะมีเรือเข้าร่วมโครงการ 10,000 ลำ จากเดิมที่เข้าร่วมโครงการเพียง 5,400 ลำ จึงได้นำเรื่องเสนอเข้าคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อพิจารณาเงื่อนไขการช่วยเหลือลดราคาน้ำมันให้ชาวประมง ซึ่ง คชก. พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบ และเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเงื่อนไขรวม 6 ประการดังกล่าว
ทั้งนี้ ชาวประมงจะได้รับส่วนลดโดยรวมทั้งหมดตามโครงสร้างของราคาน้ำมันที่ใช้ในโครงการฯ ซึ่งจะกำหนดอัตราต่อลิตรเมื่อเริ่มดำเนินการ ดังนี้
1) ได้รับชดเชยการขาดทุนราคาน้ำมันโดยเงินจาก คชก. ตามข้อ 2.
2) ยกเว้นการเติมสาร additive
3) ลดค่าการตลาด
4) ภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนที่ลดลง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 8 ส.ค. 2543--
-สส-