ทำเนียบรัฐบาล--11 ก.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีพิจารณาคำขอของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่ขอระดมเงินทุนระยะยาวในประเทศโดยการออกพันธบัตร สำหรับการดำเนินงานของ ธอส. ในปี 2543 จำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินในประทศ จำนวน 20,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
2. ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินดังกล่าวได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า จากเป้าหมายการให้สินเชื่อเพื่อการดำเนินงานปกติของ ธอส.ในปี 2543 จำนวน 34,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ยเดือนละ 2,833.33 ล้านบาท นั้น มีความเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากผลการให้สินเชื่อของ ธอส. ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2542 ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นคือ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนธันวาคม2542 มีจำนวน 1,856.94 ล้านบาท 1,971.84 ล้านบาท 2,890.38 ล้านบาท 2,853.69 ล้านบาท 2,648.02 ล้านบาท และจำนวน 2,784.04 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และในขณะเดียวกันราคาที่อยู่อาศัยในตลาดก็ได้ปรับราคาลดลง ทำให้ประชาชนมีความต้องการจัดหาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น โดยที่ลักษณะการดำเนินงานของ ธอส.เป็นการให้สินเชื่อระยะยาว การระดมทุนจากแหล่งเงินกู้จะทำให้ ธอส. สามารถจัดหาเงินทุนได้สอดคล้องกับประเภทการให้สินเชื่อมากขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมทางด้านการระดมทุน ให้ ธอส. สามารถจัดหาเงินทุนได้ทันต่อความต้องการใช้เงิน และสามารถดำเนินการออกพันธบัตรได้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดเงิน และระดับอัตราดอกเบี้ยที่ต้องการ จึงเห็นสมควรให้ ธอส. ระดมทุนระยะยาวในประเทศเพื่อการดำเนินงานปกติ ในปี 2543 จำนวน 20,000ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 ก.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีพิจารณาคำขอของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่ขอระดมเงินทุนระยะยาวในประเทศโดยการออกพันธบัตร สำหรับการดำเนินงานของ ธอส. ในปี 2543 จำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่อง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติ ดังนี้
1. ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินในประทศ จำนวน 20,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน
2. ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินดังกล่าวได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่า จากเป้าหมายการให้สินเชื่อเพื่อการดำเนินงานปกติของ ธอส.ในปี 2543 จำนวน 34,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ยเดือนละ 2,833.33 ล้านบาท นั้น มีความเป็นไปได้ โดยพิจารณาจากผลการให้สินเชื่อของ ธอส. ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2542 ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นคือ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนธันวาคม2542 มีจำนวน 1,856.94 ล้านบาท 1,971.84 ล้านบาท 2,890.38 ล้านบาท 2,853.69 ล้านบาท 2,648.02 ล้านบาท และจำนวน 2,784.04 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในประเทศอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ และในขณะเดียวกันราคาที่อยู่อาศัยในตลาดก็ได้ปรับราคาลดลง ทำให้ประชาชนมีความต้องการจัดหาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น โดยที่ลักษณะการดำเนินงานของ ธอส.เป็นการให้สินเชื่อระยะยาว การระดมทุนจากแหล่งเงินกู้จะทำให้ ธอส. สามารถจัดหาเงินทุนได้สอดคล้องกับประเภทการให้สินเชื่อมากขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมทางด้านการระดมทุน ให้ ธอส. สามารถจัดหาเงินทุนได้ทันต่อความต้องการใช้เงิน และสามารถดำเนินการออกพันธบัตรได้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดเงิน และระดับอัตราดอกเบี้ยที่ต้องการ จึงเห็นสมควรให้ ธอส. ระดมทุนระยะยาวในประเทศเพื่อการดำเนินงานปกติ ในปี 2543 จำนวน 20,000ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 11 ก.ค. 2543--
-สส-