การลงนามและให้สัตยาบันร่างสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์

ข่าวการเมือง Wednesday September 13, 2017 08:38 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้

1. เห็นชอบการลงนามและการให้สัตยาบันเพื่อเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์

2. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์

3. มอบหมายให้ กต. จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ ผู้ลงนามในข้อ 2 ในกรณีที่ผู้ลงนามไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

4. เห็นชอบให้ กต. เป็นผู้ดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องในการให้สัตยาบัน

5. มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหน่วยประสานงานหลักระดับชาติของการดำเนินการตามพันธกรณีของสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์ ภายหลังจากที่ไทยให้สัตยาบันแล้ว

6. อนุมัติให้หลักการสำหรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามพันธกรณีให้แก่ สมช. ในฐานะหน่วยประสานงานหลักระดับชาติและหน่วยราชการไทยที่เกี่ยวข้อง

สาระสำคัญของร่างสนธิสัญญาห้ามอาวุธนิวเคลียร์ ดังนี้

1. เน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญของการห้ามอาวุธนิวเคลียร์ ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น

1) ผลกระทบทางมนุษยธรรม

2) ภัยของอาวุธนิวเคลียร์ต่อความมั่นคงของมนุษย์

3) การรักษาสิ่งแวดล้อม

4) ด้านการพัฒนาและแสดงความห่วงกังวลต่อการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดไปในการผลิต บำรุงรักษา และพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ให้ทันสมัย และ

5) รวมถึงการสนับสนุนการสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนและเยาวชน เป็นต้น ซึ่งประเทศไทยให้ความสำคัญและมีบทบาทอย่างต่อเนื่องในการสร้างสภาพแวดล้อมและปัจจัยที่เอื้อต่อสันติภาพ ความมั่นคง และการพัฒนาที่ยั่งยืน

2. เน้นย้ำถึงบทบาทของจิตสำนึกสาธารณะในการส่งเสริมหลักการทางมนุษยธรรมเรียกร้องการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์โดยสิ้นเชิง และยอมรับความพยายามของสหประชาชาติ กลุ่มองค์กรกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศและองค์การภูมิภาค องค์กรเอกชน ผู้นำทางศาสนา สมาชิกรัฐสภา นักวิชาการ และกลุ่มฮิบาคูฉะ (เหยื่อจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 กันยายน 2560--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ