ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บังคับบทบัญญัติมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 พ.ศ. ….

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้บังคับบทบัญญัติมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้

พณ. เสนอว่า มาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 ได้เพิ่มบทบัญญัติหมวด 1/1 การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้พิธีสารมาดริด เพื่อรองรับหลักการตามพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) อันเป็นความตกลงระหว่างประเทศภายใต้กำกับขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization : WIPO) ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการไทยในการยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไปยังประเทศต่าง ๆ กว่า 98 ประเทศทั่วโลก และมาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 ได้บัญญัติให้บทบัญญัติมาตรา 31 จะให้ใช้บังคับเมื่อใดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

เพื่อเป็นการรองรับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้พิธีสารมาดริดดังกล่าว พณ. จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้พิธีสารมาดริด พ.ศ. …. มาเพื่อดำเนินการ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (30 พฤษภาคม 2560) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงดังกล่าว และ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ได้ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว โดย สคก. มีความเห็นเพิ่มเติมว่า โดยที่มาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 ได้กำหนดให้บทบัญญัติเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้พิธีสารมาดริดจะใช้บังคับเมื่อใดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ดังนั้น พณ. จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวก่อนที่ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับ

ทั้งนี้ พณ. ได้ยื่นภาคยานุวัติสารต่อผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกแล้ว เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2560 ซึ่งจะทำให้พิธีสารมาดริดมีผลผูกพันประเทศไทยเมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับแต่วันดังกล่าว (วันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป)

กำหนดให้บทบัญญัติเกี่ยวกับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้พิธีสารมาดริด มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 กันยายน 2560--