คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแผนแม่บทด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด (พ.ศ. 2545 - 2549) ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินงานด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานอัยการสูงสุดให้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารและการจัดการสมัยใหม่ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2544 และเพื่อสามารถนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการบริหาร การจัดการและการดำเนินงาน ในภารกิจหน้าที่การอำนวยความยุติธรรม การรักษาผลประโยชน์ของรัฐ และการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนของสำนักงานอัยการสูงสุดให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ต้องการ รวมทั้งสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการบริหาร การจัดการ และการปฏิบัติงานของสำนักงานอัยการสูงสุดด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมและทันสมัย
1.2 เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการให้ข้อมูลร่วมกันของหน่วยงานภายในสำนักงานอัยการสูงสุดและสามารถพัฒนาไปใช้ร่วมกับหน่วยงานภายนอกในโอกาสต่อไป
1.3 เพื่อให้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างสมรรถนะในการบริหารและการจัดการ
1.4 เพื่อเสริมสร้างความพึงพอใจของประชาชนในการให้บริการของสำนักงานอัยการสูงสุดด้านเทคโนโลยี สารสนเทศสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม
2. เป้าหมาย
2.1 สามารถวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารการจัดการและการอำนวยความยุติธรรมซึ่งเป็นระบบเฉพาะของสำนักงานอัยการสูงสุด
2.2 สามารถใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทุกประเภทเท่าที่จะสามารถจะใช้ได้
2.3 พัฒนาบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดในทุกระดับให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.4 เกิดการประหยัดเวลา ประหยัดทรัพยากร ลดการทำงานซ้ำซ้อน ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง เช่นกระดาษ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์แทน
2.5 เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการประชาชนโดยการใช้เทคโนโลยี เช่น อินเตอร์เน็ต ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
3. วิธีดำเนินงาน
3.1 ศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมทั้งระบบในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้โดยในปี 2545 จะเริ่มดำเนินการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์และวางระบบสารบบคดีและวิธีการเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วประเทศ และมีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน
3.2 พัฒนาศูนย์ข้อมูลและวิจัยของสำนักงานอัยการพิเศษสารสนเทศเป็นศูนย์บริการข้อมูลและการวิจัย
3.3 แสวงหาความร่วมมือเพื่อช่วยพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และสมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ (ATCT)
3.4 กำหนดมาตรการในการใช้อุปกรณ์ร่วมกันของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการปฏิบัติงานปกติให้สอดคล้อง และรองรับการขยายงานในระบบเครือข่ายที่จะมีขึ้นในงานพิเศษอื่น ๆ
3.5 พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถนำไปใช้งานได้รวดเร็ว และถูกต้องในการอำนวยความยุติธรรม
3.6 จัดตั้งศูนย์ข้อมูลและการวิจัยร่วมกับสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการดำเนินการฝึกอบรมหรือจัดส่งข้าราชการเข้ารับการฝึกอบรมภายนอกในหลักสูตรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เพื่อการปฏิบัติงานและเพื่อการบริหารงาน
3.7 พัฒนาห้องสมุดของสำนักงานอัยการสูงสุดทุกแห่งให้เข้าสู่ระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้ทุกห้องสมุดมีคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์อย่างน้อย 1 ชุด
3.8 จัดหาคอมพิวเตอร์ให้ครบทุกสำนักงานอย่างน้อยสำนักงานละ 3 เครื่อง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 5 ปีตามแผน
4. ระยะเวลาและงบประมาณดำเนินการ
ระยะเวลาดำเนินการ พ.ศ. 2545 - 2549 โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 406,276,000 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 25 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-
1. วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการบริหาร การจัดการ และการปฏิบัติงานของสำนักงานอัยการสูงสุดด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมและทันสมัย
1.2 เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการให้ข้อมูลร่วมกันของหน่วยงานภายในสำนักงานอัยการสูงสุดและสามารถพัฒนาไปใช้ร่วมกับหน่วยงานภายนอกในโอกาสต่อไป
1.3 เพื่อให้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างสมรรถนะในการบริหารและการจัดการ
1.4 เพื่อเสริมสร้างความพึงพอใจของประชาชนในการให้บริการของสำนักงานอัยการสูงสุดด้านเทคโนโลยี สารสนเทศสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม
2. เป้าหมาย
2.1 สามารถวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารการจัดการและการอำนวยความยุติธรรมซึ่งเป็นระบบเฉพาะของสำนักงานอัยการสูงสุด
2.2 สามารถใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทุกประเภทเท่าที่จะสามารถจะใช้ได้
2.3 พัฒนาบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดในทุกระดับให้สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.4 เกิดการประหยัดเวลา ประหยัดทรัพยากร ลดการทำงานซ้ำซ้อน ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง เช่นกระดาษ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์แทน
2.5 เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการประชาชนโดยการใช้เทคโนโลยี เช่น อินเตอร์เน็ต ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
3. วิธีดำเนินงาน
3.1 ศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมทั้งระบบในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้โดยในปี 2545 จะเริ่มดำเนินการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์และวางระบบสารบบคดีและวิธีการเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายเชื่อมโยงทั่วประเทศ และมีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน
3.2 พัฒนาศูนย์ข้อมูลและวิจัยของสำนักงานอัยการพิเศษสารสนเทศเป็นศูนย์บริการข้อมูลและการวิจัย
3.3 แสวงหาความร่วมมือเพื่อช่วยพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) และสมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ (ATCT)
3.4 กำหนดมาตรการในการใช้อุปกรณ์ร่วมกันของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการปฏิบัติงานปกติให้สอดคล้อง และรองรับการขยายงานในระบบเครือข่ายที่จะมีขึ้นในงานพิเศษอื่น ๆ
3.5 พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถนำไปใช้งานได้รวดเร็ว และถูกต้องในการอำนวยความยุติธรรม
3.6 จัดตั้งศูนย์ข้อมูลและการวิจัยร่วมกับสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการดำเนินการฝึกอบรมหรือจัดส่งข้าราชการเข้ารับการฝึกอบรมภายนอกในหลักสูตรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เพื่อการปฏิบัติงานและเพื่อการบริหารงาน
3.7 พัฒนาห้องสมุดของสำนักงานอัยการสูงสุดทุกแห่งให้เข้าสู่ระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้ทุกห้องสมุดมีคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์อย่างน้อย 1 ชุด
3.8 จัดหาคอมพิวเตอร์ให้ครบทุกสำนักงานอย่างน้อยสำนักงานละ 3 เครื่อง เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา 5 ปีตามแผน
4. ระยะเวลาและงบประมาณดำเนินการ
ระยะเวลาดำเนินการ พ.ศ. 2545 - 2549 โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 406,276,000 บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 25 ธ.ค. 44--จบ--
-สส-