ทำเนียบรัฐบาล--23 พ.ค.--นิวส์สแตนด์
1. เรื่อง อนุมัติจัดสรรเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพสำหรับผู้สูงอายุ มนตรีอนุมัติหลักการการจัดสรรเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพสำหรับผู้สูงอายุในปีต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้การช่วยเหลือเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนละ 200 บาท ต่อเดือน ตามระเบียบกรมประชา-สงเคราะห์ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ. 2543
2. อนุมัติเพิ่มการช่วยเหลือเงินอุดหนุนเพิ่มพิเศษแก่ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพในภาวะเศรษฐกิจถดถอยคนละ 100 บาท ต่อเดือน
3. อนุมัติจ่ายเงินสงเคราะห์ดังกล่าวตามข้อ 1 และ 2 เป็นรายงวด ๆ ละ 3 เดือน ซึ่งหากผู้สูงอายุถึงแก่กรรมระหว่างงวดให้ถือเป็นสิทธิของผู้สูงอายุรายนั้น
สำหรับวงเงินงบประมาณให้เป็นไปตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณ พร้อมทั้งให้รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปดำเนินการด้วย ซึ่งสำนักงบประมาณเห็นชอบให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้สูงอายุดังกล่าวต่อไปอีกหนึ่งปี คือ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 โดยให้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2542 อย่างเคร่งครัด ในเรื่องของการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สูงอายุว่าเป็นผู้ที่ยากจนหรือถูกทอดทิ้งอย่างแท้จริง ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และให้มีการปรับปรุงทะเบียนรายชื่อของผู้ขอสงเคราะห์ให้เป็นไปตามความจริง ตลอดจนติดตามประเมินผลการดำเนินงาน โดยสำนักงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมแล้วรายงานคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่าย สำนักงบประมาณได้พิจารณาขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ไว้ให้กรมประชาสงเคราะห์แล้ว จำนวน 1,440,000,000 บาท โดยแยกเป็น เงินอุดหนุนเงินส่งเสริมสวัสดิการผู้สูงอายุขาดผู้อุปการะ จำนวน 960,000,000 บาท เงินอุดหนุนเงินเพิ่มพิเศษแก่ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพในภาวะเศรษฐกิจถดถอย จำนวน 480,000,000 บาท
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมแจ้งว่า ได้พิจารณาเกี่ยวกับการจัดสรรเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพผู้สูงอายุแล้วเห็นว่า เนื่องจากผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้ชุมชนและครอบครัวยังไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุมากขึ้นได้ ประกอบกับแนวทางในการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ได้กำหนดให้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพฯ เป็นรายงวด ๆ ละ 3 เดือน นั้น ทำให้ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา และงบประมาณ ตลอดจนบุคลากรในการบริหารจัดการของรัฐได้เป็นอย่างดียิ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 23 พฤษภาคม 2543--
-สส-
1. เรื่อง อนุมัติจัดสรรเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพสำหรับผู้สูงอายุ มนตรีอนุมัติหลักการการจัดสรรเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพสำหรับผู้สูงอายุในปีต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติให้การช่วยเหลือเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนละ 200 บาท ต่อเดือน ตามระเบียบกรมประชา-สงเคราะห์ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ. 2543
2. อนุมัติเพิ่มการช่วยเหลือเงินอุดหนุนเพิ่มพิเศษแก่ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพในภาวะเศรษฐกิจถดถอยคนละ 100 บาท ต่อเดือน
3. อนุมัติจ่ายเงินสงเคราะห์ดังกล่าวตามข้อ 1 และ 2 เป็นรายงวด ๆ ละ 3 เดือน ซึ่งหากผู้สูงอายุถึงแก่กรรมระหว่างงวดให้ถือเป็นสิทธิของผู้สูงอายุรายนั้น
สำหรับวงเงินงบประมาณให้เป็นไปตามข้อเสนอของสำนักงบประมาณ พร้อมทั้งให้รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปดำเนินการด้วย ซึ่งสำนักงบประมาณเห็นชอบให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้สูงอายุดังกล่าวต่อไปอีกหนึ่งปี คือ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 โดยให้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2542 อย่างเคร่งครัด ในเรื่องของการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สูงอายุว่าเป็นผู้ที่ยากจนหรือถูกทอดทิ้งอย่างแท้จริง ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และให้มีการปรับปรุงทะเบียนรายชื่อของผู้ขอสงเคราะห์ให้เป็นไปตามความจริง ตลอดจนติดตามประเมินผลการดำเนินงาน โดยสำนักงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมแล้วรายงานคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่าย สำนักงบประมาณได้พิจารณาขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ไว้ให้กรมประชาสงเคราะห์แล้ว จำนวน 1,440,000,000 บาท โดยแยกเป็น เงินอุดหนุนเงินส่งเสริมสวัสดิการผู้สูงอายุขาดผู้อุปการะ จำนวน 960,000,000 บาท เงินอุดหนุนเงินเพิ่มพิเศษแก่ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพในภาวะเศรษฐกิจถดถอย จำนวน 480,000,000 บาท
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมแจ้งว่า ได้พิจารณาเกี่ยวกับการจัดสรรเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพผู้สูงอายุแล้วเห็นว่า เนื่องจากผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้ชุมชนและครอบครัวยังไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สูงอายุมากขึ้นได้ ประกอบกับแนวทางในการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ได้กำหนดให้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพฯ เป็นรายงวด ๆ ละ 3 เดือน นั้น ทำให้ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา และงบประมาณ ตลอดจนบุคลากรในการบริหารจัดการของรัฐได้เป็นอย่างดียิ่ง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 23 พฤษภาคม 2543--
-สส-