ทำเนียบรัฐบาล--25 ม.ค.--บิสนิวส์
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ รายงานการออกพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ในปีงบประมาณ พ.ศ.2543 ครั้งที่ 7 โดยสรุปคือ กระทรวงการคลังจะเข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ ธนาคาร ดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 1,077 ล้านบาท โดย ธนาคาร ดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด (มหาชน) จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวทั้งหมดไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล และกระทรวงการคลังจะต้องออกพันธบัตรรัฐบาลในจำนวนที่เท่ากัน โดยกำหนดให้พันธบัตรรัฐบาลใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะ 1 ปีเฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ ณ วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อนุมัติ คือ อัตราลบร้อยละ 1 พันธบัตรมีอายุ 10 ปี โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศเพื่อจำหน่ายพันธบัตรในวันที่ 18 มกราคม 2543 วงเงิน 1,077 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.25 ต่อปี อายุพันธบัตร 10 ปี ทั้งนี้ เมื่อออกพันธบัตรในครั้งนี้แล้วยังมีวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 อยู่จำนวน 250,161 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 25 มกราคม 2543--
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ รายงานการออกพันธบัตรรัฐบาลตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 ในปีงบประมาณ พ.ศ.2543 ครั้งที่ 7 โดยสรุปคือ กระทรวงการคลังจะเข้าซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ ธนาคาร ดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 1,077 ล้านบาท โดย ธนาคาร ดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด (มหาชน) จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวทั้งหมดไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล และกระทรวงการคลังจะต้องออกพันธบัตรรัฐบาลในจำนวนที่เท่ากัน โดยกำหนดให้พันธบัตรรัฐบาลใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะ 1 ปีเฉลี่ยของ 5 ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ ณ วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้อนุมัติ คือ อัตราลบร้อยละ 1 พันธบัตรมีอายุ 10 ปี โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศเพื่อจำหน่ายพันธบัตรในวันที่ 18 มกราคม 2543 วงเงิน 1,077 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.25 ต่อปี อายุพันธบัตร 10 ปี ทั้งนี้ เมื่อออกพันธบัตรในครั้งนี้แล้วยังมีวงเงินที่จะให้ความช่วยเหลือตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 อยู่จำนวน 250,161 ล้านบาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 25 มกราคม 2543--