ทำเนียบรัฐบาล--22 ส.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 โดยให้นำอาคารที่ราชพัสดุ ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้วที่ตำบลบางชันธ์ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มาเปิดประมูลตลาดกลางซื้อขายปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ โดยจัดให้เช่าตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบฯ ที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ควรกำหนดเงื่อนไข และหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เช่าและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ราชการด้วย
สำหรับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 คือ กำหนดหลักการให้กระทรวงการคลัง(กรมธนารักษ์) งดเว้นการนำที่ราชพัสดุในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตลอดจนเมืองหลักที่สำคัญไปจัดหาประโยชน์ไม่ว่าจะโดยวิธีการประมูลขาย หรือแลกเปลี่ยน หรือประมูลให้เอกชนเช่าเพื่อประกอบการพาณิชย์ไว้ชั่วคราวก่อนมีกำหนด 3 - 5 ปี ทั้งนี้ เนื่องจากได้พิจารณาเห็นว่า เมื่อมีการก่อสร้างอาคารสถานที่ก็จะก่อให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดตามมา ดังนั้น ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดอยู่นี้ ควรนำที่ราชพัสดุไปใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม อย่างไรก็ดีหากมีความจำเป็นจะต้องนำที่ราชพัสดุแปลงใดไปใช้ประโยชน์โดยไม่สอดคล้องกับข้อเสนอดังกล่าว ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ได้ดำเนินการตามโครงการพัฒนาการส่งออกสินค้าประมง การก่อสร้างอาคารตลาดกลางซื้อขายปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ ตำบลบางขันธ์ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 12 พฤศจิกายน 2539 โดยได้ก่อสร้างตลาดกลางซื้อขายปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ ตำบลบางขันธ์อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี งบประมาณทั้งสิ้น 98,216,700 บาท เสร็จแล้ว และโดยที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่19 กันยายน 2538 ที่ให้งดเว้นการนำที่ราชพัสดุในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนเมืองหลักที่สำคัญไปจัดหาประโยชน์ มีกำหนด 3 - 5 ปี ซึ่งขณะนี้ผลบังคับใช้ได้มีระยะเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว อีกทั้งประเทศยังประสบปัญหาด้านการเงินและการคลัง ประกอบกับกรมธนารักษ์ และกรมประมงก็เสนอว่าอาคารตลาดกลางซื้อขายปลาสวยและพรรณไม้น้ำน่าจะนำมาใช้ประโยชน์ โดยเปิดประมูลเพื่อหารายได้ เป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชากรในกิจกรรมปลาสวยงานและพรรณไม้น้ำ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 22 ส.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 โดยให้นำอาคารที่ราชพัสดุ ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้วที่ตำบลบางชันธ์ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มาเปิดประมูลตลาดกลางซื้อขายปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ โดยจัดให้เช่าตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบฯ ที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ควรกำหนดเงื่อนไข และหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เช่าและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ราชการด้วย
สำหรับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2538 คือ กำหนดหลักการให้กระทรวงการคลัง(กรมธนารักษ์) งดเว้นการนำที่ราชพัสดุในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตลอดจนเมืองหลักที่สำคัญไปจัดหาประโยชน์ไม่ว่าจะโดยวิธีการประมูลขาย หรือแลกเปลี่ยน หรือประมูลให้เอกชนเช่าเพื่อประกอบการพาณิชย์ไว้ชั่วคราวก่อนมีกำหนด 3 - 5 ปี ทั้งนี้ เนื่องจากได้พิจารณาเห็นว่า เมื่อมีการก่อสร้างอาคารสถานที่ก็จะก่อให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดตามมา ดังนั้น ในระหว่างที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดอยู่นี้ ควรนำที่ราชพัสดุไปใช้ในกิจการสาธารณประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยส่วนรวม อย่างไรก็ดีหากมีความจำเป็นจะต้องนำที่ราชพัสดุแปลงใดไปใช้ประโยชน์โดยไม่สอดคล้องกับข้อเสนอดังกล่าว ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า ได้ดำเนินการตามโครงการพัฒนาการส่งออกสินค้าประมง การก่อสร้างอาคารตลาดกลางซื้อขายปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ ตำบลบางขันธ์ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 12 พฤศจิกายน 2539 โดยได้ก่อสร้างตลาดกลางซื้อขายปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ ตำบลบางขันธ์อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี งบประมาณทั้งสิ้น 98,216,700 บาท เสร็จแล้ว และโดยที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่19 กันยายน 2538 ที่ให้งดเว้นการนำที่ราชพัสดุในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนเมืองหลักที่สำคัญไปจัดหาประโยชน์ มีกำหนด 3 - 5 ปี ซึ่งขณะนี้ผลบังคับใช้ได้มีระยะเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว อีกทั้งประเทศยังประสบปัญหาด้านการเงินและการคลัง ประกอบกับกรมธนารักษ์ และกรมประมงก็เสนอว่าอาคารตลาดกลางซื้อขายปลาสวยและพรรณไม้น้ำน่าจะนำมาใช้ประโยชน์ โดยเปิดประมูลเพื่อหารายได้ เป็นการเพิ่มรายได้ให้ประชากรในกิจกรรมปลาสวยงานและพรรณไม้น้ำ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 22 ส.ค. 2543--
-สส-