ทำเนียบรัฐบาล--29 ส.ค.--นิวส์สแตนด์
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการการจ้างบุคลากรทดแทนอัตราข้าราชการ ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอเพื่อเป็นการแก้ปัญหาด้านบุคลากรซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการในการปรับเปลี่ยนให้มหาวิทยาลัยของรัฐเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ แล้วมีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณกำหนดหลักการว่า ให้มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐขอโอนเงินงบประมาณหมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจำของอัตราว่างที่เคยมีคนครองทั้งหมดไปตั้งจ่ายในหมวดเงินอุดหนุนเพื่อจ้างบุคลากรทดแทนได้โดยไม่ต้องมีการวิเคราะห์จำนวนอัตราอีกสำหรับอัตราว่างที่ยังไม่มีคนครองนั้น ขอให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามเหตุผลและความจำเป็นในสภาวะปัจจุบันของแต่ละมหาวิทยาลัย/สถาบัน ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขว่ามหาวิทยาลัย/สถาบันได้กันเงินไว้เพื่อการปรับเพิ่มในกรณีการเลื่อนตำแหน่งการปรับวุฒิ ฯลฯ เพียงพอแล้ว โดยมหาวิทยาลัยจะรับผิดชอบปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจาการบริหารงบประมาณ จนกว่าจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับภายในปี 2545
2. อนุมัติให้มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐ สามารถเบิกจ่ายรายการเงินอุดหนุนทั่วไปค่าใช้จ่ายบุคลากรที่ได้รับจัดสรรในลักษณะจ่ายขาดเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยในกำกับเพื่อให้สามารถนำไปจัดตั้งเป็นกองทุนจัดสรรสวัสดิการให้แก่บุคลากรได้ และให้มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐรายงานการใช้จ่ายให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังได้ทราบเป็นประจำทุกปี
3. อนุมัติให้บุคลากรของมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐที่จ้างตามมติคณะรัฐมนตรีมีสถานภาพเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทหนึ่งสามารถและมีสิทธิเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการปฏิบติงานจากงบประมาณประจำปีของหน่วยงานนั้น ๆ ได้ ส่วนการเทียบตำแหน่งเพื่อการเบิกจ่าย ขออนุโลมเทียบกับตำแหน่งของข้าราชการจากวุฒิทางการศึกษา ตำแหน่งทางวิชาการ หรือจากตำแหน่งทางการบริหารซึ่งสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. ได้ความเห็นชอบแล้ว
ส่วนหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้
1. ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0526.5/ว 73 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2541 กำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินงบประมาณหมวดเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป กรณีเป็นการเบิกจ่ายให้ส่วนราชการเป็นผู้ดำเนินการ โดยกำหนดให้ส่วนราชการใช้จ่ายเงินอุดหนุนตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับจัดสรรภายในปีงบประมาณ กรณีมีเงินเหลืออยู่และยังไม่สิ้นสุดโครงการให้รีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นอย่างช้าภายในปีงบประมาณถัดไป กรณีสิ้นสุดหรือยุบเลิกโครงการแล้ว ปรากฏว่ามีเงินคงเหลืออยู่ให้นำเงินคงเหลือพร้อมทั้งดอกผลส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ดังนั้น เมื่อมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐได้รับจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายบุคลากรจึงต้องถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี การที่สำนักงบประมาณจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายบุคลากรเพื่อให้มหาวิทยาลัย/สถาบันนำไปใช้จ่ายเป็นค่าจ้างและสวัสดิการสำหรับบุคลากรที่จ้างทดแทนอัตราข้าราชการในช่วงปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินอุดหนุนทั่วไป ค่าใช้จ่ายบุคลากรในช่วงเวลาดังกล่าวมีความคล่องตัวและบรรลุวัตถุประสงค์ของการได้รับเงินอุดหนุน จึงเห็นชอบให้มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐใช้เงินเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรที่ได้รับจัดสรรได้จนกว่าจะปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐในกำกับของรัฐภายในปีงบประมาณ 2545 และหากมีเงินคงเหลือ จึงให้นำเงินคงเหลือพร้อมทั้งดอกผลส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
2. กรณีทบวงมหาวิทยาลัยขออนุมัติให้บุคลากรของมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐที่จ้างทดแทนอัตราข้าราชการ มีสถานภาพเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานจากงกบประมาณประจำปีของหน่วยงานนั้น ๆ นั้น เนื่องจากบุคลากรที่จ้างทดแทนอัตราข้าราชการในมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐไม่มีสถานภาพเป็นข้าราชการ หากมีความจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือจากงานประจำ เช่น ได้รับคำสั่งให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการ ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกสถานที่ ฯลฯ จะไม่สามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากทางราชการได้ ดังนั้นเพื่อให้บุคลากรที่จ้างทดแทนอัตราข้าราชการมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน ในชั้นนี้ จึงเห็นชอบให้บุคลากรดังกล่าวมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากทางราชการได้ ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่เทียบเคียงได้กับข้าราชการพลเรือนสามัญที่ได้รับบรรจุแต่งตั้งและปฏิบัติราชการในตำแหน่งลักษณะเดียวกันโดยอนุโลม สำหรับงบประมาณในการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 29 ส.ค. 2543--
-สส-
คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการการจ้างบุคลากรทดแทนอัตราข้าราชการ ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอเพื่อเป็นการแก้ปัญหาด้านบุคลากรซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการในการปรับเปลี่ยนให้มหาวิทยาลัยของรัฐเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ แล้วมีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณกำหนดหลักการว่า ให้มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐขอโอนเงินงบประมาณหมวดเงินเดือนและค่าจ้างประจำของอัตราว่างที่เคยมีคนครองทั้งหมดไปตั้งจ่ายในหมวดเงินอุดหนุนเพื่อจ้างบุคลากรทดแทนได้โดยไม่ต้องมีการวิเคราะห์จำนวนอัตราอีกสำหรับอัตราว่างที่ยังไม่มีคนครองนั้น ขอให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามเหตุผลและความจำเป็นในสภาวะปัจจุบันของแต่ละมหาวิทยาลัย/สถาบัน ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขว่ามหาวิทยาลัย/สถาบันได้กันเงินไว้เพื่อการปรับเพิ่มในกรณีการเลื่อนตำแหน่งการปรับวุฒิ ฯลฯ เพียงพอแล้ว โดยมหาวิทยาลัยจะรับผิดชอบปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจาการบริหารงบประมาณ จนกว่าจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับภายในปี 2545
2. อนุมัติให้มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐ สามารถเบิกจ่ายรายการเงินอุดหนุนทั่วไปค่าใช้จ่ายบุคลากรที่ได้รับจัดสรรในลักษณะจ่ายขาดเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยในกำกับเพื่อให้สามารถนำไปจัดตั้งเป็นกองทุนจัดสรรสวัสดิการให้แก่บุคลากรได้ และให้มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐรายงานการใช้จ่ายให้กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังได้ทราบเป็นประจำทุกปี
3. อนุมัติให้บุคลากรของมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐที่จ้างตามมติคณะรัฐมนตรีมีสถานภาพเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทหนึ่งสามารถและมีสิทธิเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการปฏิบติงานจากงบประมาณประจำปีของหน่วยงานนั้น ๆ ได้ ส่วนการเทียบตำแหน่งเพื่อการเบิกจ่าย ขออนุโลมเทียบกับตำแหน่งของข้าราชการจากวุฒิทางการศึกษา ตำแหน่งทางวิชาการ หรือจากตำแหน่งทางการบริหารซึ่งสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ. ได้ความเห็นชอบแล้ว
ส่วนหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้
1. ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0526.5/ว 73 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2541 กำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินงบประมาณหมวดเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป กรณีเป็นการเบิกจ่ายให้ส่วนราชการเป็นผู้ดำเนินการ โดยกำหนดให้ส่วนราชการใช้จ่ายเงินอุดหนุนตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับจัดสรรภายในปีงบประมาณ กรณีมีเงินเหลืออยู่และยังไม่สิ้นสุดโครงการให้รีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นอย่างช้าภายในปีงบประมาณถัดไป กรณีสิ้นสุดหรือยุบเลิกโครงการแล้ว ปรากฏว่ามีเงินคงเหลืออยู่ให้นำเงินคงเหลือพร้อมทั้งดอกผลส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ดังนั้น เมื่อมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐได้รับจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายบุคลากรจึงต้องถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี การที่สำนักงบประมาณจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายบุคลากรเพื่อให้มหาวิทยาลัย/สถาบันนำไปใช้จ่ายเป็นค่าจ้างและสวัสดิการสำหรับบุคลากรที่จ้างทดแทนอัตราข้าราชการในช่วงปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินอุดหนุนทั่วไป ค่าใช้จ่ายบุคลากรในช่วงเวลาดังกล่าวมีความคล่องตัวและบรรลุวัตถุประสงค์ของการได้รับเงินอุดหนุน จึงเห็นชอบให้มหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐใช้เงินเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรที่ได้รับจัดสรรได้จนกว่าจะปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐในกำกับของรัฐภายในปีงบประมาณ 2545 และหากมีเงินคงเหลือ จึงให้นำเงินคงเหลือพร้อมทั้งดอกผลส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป
2. กรณีทบวงมหาวิทยาลัยขออนุมัติให้บุคลากรของมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐที่จ้างทดแทนอัตราข้าราชการ มีสถานภาพเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานจากงกบประมาณประจำปีของหน่วยงานนั้น ๆ นั้น เนื่องจากบุคลากรที่จ้างทดแทนอัตราข้าราชการในมหาวิทยาลัย/สถาบันของรัฐไม่มีสถานภาพเป็นข้าราชการ หากมีความจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือจากงานประจำ เช่น ได้รับคำสั่งให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่นอกเวลาราชการ ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกสถานที่ ฯลฯ จะไม่สามารถเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากทางราชการได้ ดังนั้นเพื่อให้บุคลากรที่จ้างทดแทนอัตราข้าราชการมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน ในชั้นนี้ จึงเห็นชอบให้บุคลากรดังกล่าวมีสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากทางราชการได้ ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่เทียบเคียงได้กับข้าราชการพลเรือนสามัญที่ได้รับบรรจุแต่งตั้งและปฏิบัติราชการในตำแหน่งลักษณะเดียวกันโดยอนุโลม สำหรับงบประมาณในการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดนายชวน หลีกภัย)--วันที่ 29 ส.ค. 2543--
-สส-