คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
กระทรวงกลาโหมรายงานว่า
1. สถาบันการศึกษาของกระทรวงกลาโหมเป็นสถาบันการศึกษาที่ผลิตกำลังพลตามความต้องการของเหล่าทัพ โดยเป็นสถาบันการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติที่จะต้องดำเนินการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของกองทัพให้มีความรู้ ความสามารถให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลในกองทัพ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรการศึกษาทางทหารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กำลังพลของเหล่าทัพในสังกัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเข้ารับการศึกษาในสถาบันการศึกษาของกระทรวงกลาโหมได้รับวุฒิทางการศึกษาสูงขึ้นตามสาขาวิชาที่ศึกษา
2. ดังนั้น เพื่อปรับปรุงหลักสูตรของสถาบันการศึกษาในสังกัดกระทรวงกลาโหม รวมทั้งให้ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาวิชาทหารได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรตามหลักสูตรที่สภาการศึกษาวิชาการทหารกำหนด รวมทั้งเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสภาการศึกษาวิชาการทหารให้มีอำนาจในการกำหนดมาตรฐานการศึกษาวิชาการทหาร และการเทียบวุฒิของผู้สำเร็จวิชาการทหารจากต่างประเทศ ตลอดจนปรับปรุงตำแหน่งกรรมการสภาการศึกษาวิชาการทหารให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ โดยมีสาระสำคัญของร่างกฎหมาย ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมหลักสูตรที่สภาการศึกษาวิชาการทหารกำหนด โดยให้ปริญญามี 3 ชั้น คือ ปริญญาเอก ปริญญาโท และปริญญาตรี (ร่างมาตรา 3 แก้ไขมาตรา 3)
2. แก้ไขเพิ่มเติมให้นักเรียนวิชาการทหารอาจได้รับประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ประกาศนียบัตรบัณฑิตหรือประกาศนียบัตรแสดงว่าสอบความรู้ได้ตามที่สภาการศึกษาวิชาการทหารกำหนด และให้สภาการศึกษาวิชาการทหารมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด (ร่างมาตรา 4 แก้ไขมาตรา 4 และมาตรา 5)
3. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของสภาการศึกษาวิชาการทหาร ให้ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เสนาธิการทหาร เสนาธิการทหารบก เสนาธิการทหารเรือ เสนาธิการทหารอากาศ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหาร เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารอากาศ ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารอากาศชั้นสูง ผู้บัญชาการโรงเรียนแผนที่ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรืออากาศ เป็นกรรมการ (ร่างมาตรา 5 แก้ไขมาตรา 6)
4. แก้ไขเพิ่มเติมให้สภาการศึกษาวิชาการทหาร มีอำนาจให้ปริญญาแก่ผู้สำเร็จวิชาการทหารก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก โรงเรียนเทคนิคทหารบก โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนแผนที่ของกองทัพบก โรงเรียนนายเรือของกองทัพเรือ และโรงเรียนนายเรืออากาศของกองทัพอากาศ ซึ่งมีหลักสูตรการศึกษาและวิทยฐานะเทียบเท่ากัน (ร่างมาตรา 6 แก้ไขมาตรา 10)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 พฤศจิกายน 2550--จบ--
กระทรวงกลาโหมรายงานว่า
1. สถาบันการศึกษาของกระทรวงกลาโหมเป็นสถาบันการศึกษาที่ผลิตกำลังพลตามความต้องการของเหล่าทัพ โดยเป็นสถาบันการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติที่จะต้องดำเนินการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของกองทัพให้มีความรู้ ความสามารถให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลในกองทัพ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรการศึกษาทางทหารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กำลังพลของเหล่าทัพในสังกัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเข้ารับการศึกษาในสถาบันการศึกษาของกระทรวงกลาโหมได้รับวุฒิทางการศึกษาสูงขึ้นตามสาขาวิชาที่ศึกษา
2. ดังนั้น เพื่อปรับปรุงหลักสูตรของสถาบันการศึกษาในสังกัดกระทรวงกลาโหม รวมทั้งให้ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาวิชาทหารได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรตามหลักสูตรที่สภาการศึกษาวิชาการทหารกำหนด รวมทั้งเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสภาการศึกษาวิชาการทหารให้มีอำนาจในการกำหนดมาตรฐานการศึกษาวิชาการทหาร และการเทียบวุฒิของผู้สำเร็จวิชาการทหารจากต่างประเทศ ตลอดจนปรับปรุงตำแหน่งกรรมการสภาการศึกษาวิชาการทหารให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ โดยมีสาระสำคัญของร่างกฎหมาย ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมหลักสูตรที่สภาการศึกษาวิชาการทหารกำหนด โดยให้ปริญญามี 3 ชั้น คือ ปริญญาเอก ปริญญาโท และปริญญาตรี (ร่างมาตรา 3 แก้ไขมาตรา 3)
2. แก้ไขเพิ่มเติมให้นักเรียนวิชาการทหารอาจได้รับประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง ประกาศนียบัตรบัณฑิตหรือประกาศนียบัตรแสดงว่าสอบความรู้ได้ตามที่สภาการศึกษาวิชาการทหารกำหนด และให้สภาการศึกษาวิชาการทหารมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด (ร่างมาตรา 4 แก้ไขมาตรา 4 และมาตรา 5)
3. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบของสภาการศึกษาวิชาการทหาร ให้ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เสนาธิการทหาร เสนาธิการทหารบก เสนาธิการทหารเรือ เสนาธิการทหารอากาศ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหาร เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารอากาศ ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการทหารอากาศชั้นสูง ผู้บัญชาการโรงเรียนแผนที่ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรืออากาศ เป็นกรรมการ (ร่างมาตรา 5 แก้ไขมาตรา 6)
4. แก้ไขเพิ่มเติมให้สภาการศึกษาวิชาการทหาร มีอำนาจให้ปริญญาแก่ผู้สำเร็จวิชาการทหารก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก โรงเรียนเทคนิคทหารบก โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนแผนที่ของกองทัพบก โรงเรียนนายเรือของกองทัพเรือ และโรงเรียนนายเรืออากาศของกองทัพอากาศ ซึ่งมีหลักสูตรการศึกษาและวิทยฐานะเทียบเท่ากัน (ร่างมาตรา 6 แก้ไขมาตรา 10)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 พฤศจิกายน 2550--จบ--