คณะรัฐมนตรีรับทราบการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2551 ตามมติของคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 17 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 8) ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2550
กระทรวงแรงงานรายงานว่า
1. เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีการปรับราคาสูงขึ้นเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการครองชีพของผู้ใช้แรงงานมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น กระทรวงแรงงานได้เฝ้าติดตามภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างต่อเนื่องและได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำกรุงเทพมหานครและคณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด 75 จังหวัด ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม ผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2550 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549 และพิจารณาเสนอแนะอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2551 ต่อคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 17 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2550 เพื่อให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำมีความเหมาะสมเป็นธรรมสอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพของผู้ใช้แรงงานในปัจจุบัน
2. คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 17 ได้มีการพิจารณาข้อเสนอแนะอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2551 ของคณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำกรุงเทพมหานครและคณะอนุกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ 75 จังหวัด โดยคณะกรรมการค่าจ้างได้นำข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาพิจารณาประกอบความเห็นของคณะอนุกรรมการผู้แทนนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้แทนภาครัฐทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค กลุ่มองค์กรแรงงานต่าง ๆ คณะกรรมการค่าจ้างจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2551 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 8) ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2550
3. ในการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ คณะกรรมการค่าจ้างฯ มีแนวคิด ดังนี้
3.1 อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หมายถึง อัตราค่าจ้างที่เพียงพอสำหรับแรงงานไร้ฝีมือ 1 คน ให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามสมควรแก่สภาพเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่นนั้น
3.2 แรงงานไร้ฝีมือ หมายถึง แรงงานที่มีวุฒิการศึกษาไม่เกินชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั้งที่เพิ่งจบการศึกษาหรือจบมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยทำงานหรือเคยทำงานมาแล้วแต่รวมระยะเวลาการทำงานเก่ากับงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไม่เกิน 1 ปี
3.3 การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำมุ่งจะคุ้มครองและเป็นหลักประกันรายได้ขั้นต่ำสำหรับแรงงานไร้ฝีมือที่เข้าสู่ตลาดแรงงานใหม่ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4 — 5 แสนคน แต่อย่างไรก็ตามยังมีแรงงานจำนวนหนึ่งที่อายุการทำงานเกิน 1 ปีขึ้นไป แต่นายจ้างยังจ่ายค่าจ้างเท่ากับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 พฤศจิกายน 2550--จบ--
กระทรวงแรงงานรายงานว่า
1. เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีการปรับราคาสูงขึ้นเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการครองชีพของผู้ใช้แรงงานมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น กระทรวงแรงงานได้เฝ้าติดตามภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างต่อเนื่องและได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำกรุงเทพมหานครและคณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด 75 จังหวัด ติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม ผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2550 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549 และพิจารณาเสนอแนะอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2551 ต่อคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 17 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2550 เพื่อให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำมีความเหมาะสมเป็นธรรมสอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพของผู้ใช้แรงงานในปัจจุบัน
2. คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 17 ได้มีการพิจารณาข้อเสนอแนะอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2551 ของคณะอนุกรรมการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำกรุงเทพมหานครและคณะอนุกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ 75 จังหวัด โดยคณะกรรมการค่าจ้างได้นำข้อมูลตามหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาพิจารณาประกอบความเห็นของคณะอนุกรรมการผู้แทนนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้แทนภาครัฐทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค กลุ่มองค์กรแรงงานต่าง ๆ คณะกรรมการค่าจ้างจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2551 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 8) ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2550
3. ในการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ คณะกรรมการค่าจ้างฯ มีแนวคิด ดังนี้
3.1 อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หมายถึง อัตราค่าจ้างที่เพียงพอสำหรับแรงงานไร้ฝีมือ 1 คน ให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามสมควรแก่สภาพเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่นนั้น
3.2 แรงงานไร้ฝีมือ หมายถึง แรงงานที่มีวุฒิการศึกษาไม่เกินชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทั้งที่เพิ่งจบการศึกษาหรือจบมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยทำงานหรือเคยทำงานมาแล้วแต่รวมระยะเวลาการทำงานเก่ากับงานที่ทำอยู่ในปัจจุบันไม่เกิน 1 ปี
3.3 การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำมุ่งจะคุ้มครองและเป็นหลักประกันรายได้ขั้นต่ำสำหรับแรงงานไร้ฝีมือที่เข้าสู่ตลาดแรงงานใหม่ซึ่งมีอยู่ประมาณ 4 — 5 แสนคน แต่อย่างไรก็ตามยังมีแรงงานจำนวนหนึ่งที่อายุการทำงานเกิน 1 ปีขึ้นไป แต่นายจ้างยังจ่ายค่าจ้างเท่ากับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 พฤศจิกายน 2550--จบ--