คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาองค์กรวิชาชีพ 3 องค์กร ได้แก่ แพทยสภา ทันตแพทยสภา และสภาเภสัชกรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับไปประสาน เพื่อให้องค์กรที่เกี่ยวข้องดังกล่าวจัดทำข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายขององค์กร ตลอดจนแนวทางการพิจารณาเพื่อส่งเสริมความรู้แก่สมาชิก ทั้งในทางวิชาชีพและทางจริยธรรม แล้วขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความเหมาะและจำเป็นต่อไป ทั้งนี้ ให้ครอบคลุมไปถึงองค์กรวิชาชีพของพยาบาลด้วย
ทั้งนี้ ในเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้แก่ องค์กรต่างๆ รวม 9 โครงการ คือ
1. โครงการแก้ไขปัญหาจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อการคุ้มครองประชาชนด้านการแพทย์ ซึ่งกำหนดเป้าหมาย เพิ่มขึ้นปีละร้อยละ 20
2. โครงการประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม เพื่อควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของบัณฑิตแพทย์
3.โครงการดำเนินการส่งเสริม ควบคุมจริยธรรมและการคุ้มครองประชาชนด้านทันตกรรมของทันตแพทยสภา เพื่อให้การพิจารณาด้านจริยธรรมเป็นไปด้วยความรวดเร็วมีประสิทธิภาพ
4. โครงการจัดตั้งศูนย์การสอบ เพื่อควบคุมมาตรฐานวิชาชีพทันตกรรมของทันตแพทยสภา ซึ่งเป็นการเตรียมการเพื่อสอบบัณฑิตทันตแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาและจะเป็นสมาชิกทันตแพทยสภา
5. โครงการควบคุมมาตรฐานและเพิ่มจำนวนผู้ชำนาญการเฉพาะทางของทันตแพทยสภา เพื่อการควบคุมมาตรฐานการศึกษาฝึกอบรมเป็นผู้ชำนาญการสาขาต่าง ๆ การสอบเพื่อรับวุฒิบัตร
6. โครงการจัดตั้งศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของทันตแพทย์ เพื่อส่งเสริมพัฒนามาตรฐานการประกอบวิชาชีพทันตกรรมในประเทศไทย เพื่อการกำหนดนโยบายมาตรฐานการศึกษาต่อเนื่อง
7. โครงการแก้ไขปัญหาด้านจรรยาบรรณการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมเพื่อดำเนินการส่งเสริมจรรยา-บรรณวิชาชีพ โดยต้องเร่งรัดดำเนินการในช่วง 2 ปีแรก (2549-2550) เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน
8. โครงการให้บริการข้อมูลข่าวสารและตอบปัญหาเรื่องยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนมีช่องทางได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องมีคุณภาพ
9. โครงการสร้างเครือข่ายการเฝ้าระวังการกระทำผิดพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรมและจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่จัดบริการทางแพทย์และสาธารณสุขของประเทศที่มีสัดส่วนมากที่สุด และมีหน่วยบริการกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ การจัดบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ต้องจัดสรรกำลังคนด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพในการให้บริการ ดังนั้น การประสานการดำเนินงานและการสนับสนุนการพัฒนางานขององค์กรวิชาชีพ เพื่อการพัฒนาการดำรงรักษามาตรฐานวิชาชีพ การพัฒนาประสิทธิภาพบริการ และการดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคทางการแพทย์และสาธารณสุข จะส่งผลทำให้ประชาชนได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 กรกฎาคม 2548--จบ--
ทั้งนี้ ในเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้แก่ องค์กรต่างๆ รวม 9 โครงการ คือ
1. โครงการแก้ไขปัญหาจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อการคุ้มครองประชาชนด้านการแพทย์ ซึ่งกำหนดเป้าหมาย เพิ่มขึ้นปีละร้อยละ 20
2. โครงการประเมินและรับรองความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม เพื่อควบคุมคุณภาพและมาตรฐานของบัณฑิตแพทย์
3.โครงการดำเนินการส่งเสริม ควบคุมจริยธรรมและการคุ้มครองประชาชนด้านทันตกรรมของทันตแพทยสภา เพื่อให้การพิจารณาด้านจริยธรรมเป็นไปด้วยความรวดเร็วมีประสิทธิภาพ
4. โครงการจัดตั้งศูนย์การสอบ เพื่อควบคุมมาตรฐานวิชาชีพทันตกรรมของทันตแพทยสภา ซึ่งเป็นการเตรียมการเพื่อสอบบัณฑิตทันตแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาและจะเป็นสมาชิกทันตแพทยสภา
5. โครงการควบคุมมาตรฐานและเพิ่มจำนวนผู้ชำนาญการเฉพาะทางของทันตแพทยสภา เพื่อการควบคุมมาตรฐานการศึกษาฝึกอบรมเป็นผู้ชำนาญการสาขาต่าง ๆ การสอบเพื่อรับวุฒิบัตร
6. โครงการจัดตั้งศูนย์การศึกษาต่อเนื่องของทันตแพทย์ เพื่อส่งเสริมพัฒนามาตรฐานการประกอบวิชาชีพทันตกรรมในประเทศไทย เพื่อการกำหนดนโยบายมาตรฐานการศึกษาต่อเนื่อง
7. โครงการแก้ไขปัญหาด้านจรรยาบรรณการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมเพื่อดำเนินการส่งเสริมจรรยา-บรรณวิชาชีพ โดยต้องเร่งรัดดำเนินการในช่วง 2 ปีแรก (2549-2550) เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน
8. โครงการให้บริการข้อมูลข่าวสารและตอบปัญหาเรื่องยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนมีช่องทางได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องมีคุณภาพ
9. โครงการสร้างเครือข่ายการเฝ้าระวังการกระทำผิดพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรมและจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่จัดบริการทางแพทย์และสาธารณสุขของประเทศที่มีสัดส่วนมากที่สุด และมีหน่วยบริการกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ การจัดบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ต้องจัดสรรกำลังคนด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพในการให้บริการ ดังนั้น การประสานการดำเนินงานและการสนับสนุนการพัฒนางานขององค์กรวิชาชีพ เพื่อการพัฒนาการดำรงรักษามาตรฐานวิชาชีพ การพัฒนาประสิทธิภาพบริการ และการดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคทางการแพทย์และสาธารณสุข จะส่งผลทำให้ประชาชนได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 กรกฎาคม 2548--จบ--