คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมการอำนวยการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทรัฐรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับถาวร (ธันวาคม 2549 — กันยายน 2550) ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) เสนอ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) รายงานว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้ประกาศใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2550 ทำให้ภารกิจส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับถาวรสิ้นสุดลง คณะกรรมการฯ จึงได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 2/2550 วันที่ 19 กันยายน 2550 ให้สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ในภาพรวมตั้งแต่เริ่มดำเนินงานในเดือนธันวาคม 2549 จนถึงสิ้นสุดภารกิจในเดือนกันยายน 2550 นำเสนอคณะรัฐมนตรีได้รับทราบ ดังนี้
1. ผลการดำเนินงาน
1.1 ด้านการจัดโครงสร้างและการบริหารงานของคณะกรรมการฯ : ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ ฯ 4 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการบริหารแผนงาน คณะอนุกรรมการสนับสนุนการมีส่วนร่วมและรณรงค์ คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ และคณะอนุกรรมการวิชาการและข้อมูล
1.2 ด้านการบริหารแผนงาน/โครงการ : อนุมัติโครงการเกี่ยวกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำรัฐธรรมนูญ อนุมัติโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมทางการเมือง และอนุมัติค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ/สำนักงานฯ
1.3 ด้านการสนับสนุนการมีส่วนร่วมและรณรงค์ : จัดประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนการมีส่วนร่วมและรณรงค์ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อรองรับการทำงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยงาน องค์กร สมาคม มูลนิธิ และเครือข่ายประชาธิปไตย ร่วมกับประชาชนในการจัดเวทีประชาธิปไตยในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด รวมทั้งรวบรวมความคิดเห็นข้อเสนอแนะของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อนำเสนอต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
1.4 ด้านการประชาสัมพันธ์ : จัดประชุมคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ จัดทำช่องทางการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ จัดเวทีเสียงประชาชน และจัดประชุมสัมมนาสื่อสาธารณะเพื่อการมีส่วนร่วม
1.5 ด้านวิชาการและข้อมูล : จัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่ความรู้ให้กับเครือข่าย องค์กร หน่วยงาน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป และรวบรวมข้อสรุปและประเด็นในการยกร่างรัฐธรรมนูญให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งสำรวจความคิดเห็นประชาชน
2. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน
2.1 ผลจากการสำรวจความเห็นของประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ พบว่ามีประชาชนร้อยละ 55.9 จากประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 11,090 ตัวอย่าง ที่เก็บทั่วประเทศยังเข้าถึงข้อมูลข่าวสารไม่เพียงพอ
2.2 ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับการคาดว่าจะออกไปใช้สิทธิลงประชามติ พบว่า
- ผู้ที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษาหรือต่ำกว่า คาดว่าจะออกไปใช้สิทธิร้อยละ 58.6 ไม่ออกไปใช้สิทธิร้อยละ 11 และยังไม่ตัดสินใจร้อยละ 30.2
- ผู้ที่มีการศึกษาระดับมัธยม/ปวช. / ปวส. คาดว่าจะออกไปใช้สิทธิร้อยละ 66 ไม่ออกไปใช้สิทธิร้อยละ 7.8 และยังไม่ตัดสินใจร้อยละ 25.4
- ผู้ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี คาดว่าจะออกไปใช้สิทธิร้อยละ 76 ไม่ออกไปใช้สิทธิ ร้อยละ 7.1 และยังไม่ตัดสินใจร้อยละ 16.8
- ผู้ที่มีการศึกษาสูงกว่าระดับปริญญาตรี คาดว่าจะออกไปใช้สิทธิร้อยละ 79.4 ไม่ออกไปใช้สิทธิร้อยละ 7.5 และยังไม่ได้ตัดสินใจร้อยละ 13
นอกจากนี้ ยังสำรวจพบว่ามีประชาชนที่ไม่ทราบเนื้อหาของรัฐธรรมนูญมากถึงร้อยละ 35.7
2.3 การประสานงานระหว่างคณะกรรมการฯ กับสภาร่างรัฐธรรมนูญและหน่วยงานภาครัฐยังขาดความกระชับในการเชื่อมประสานกัน
3. ข้อเสนอ : ทิศทางและแนวทางการดำเนินการต่อไปของภาคประชาชนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
3.1 ในระยะสั้น (การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) ควรเน้นภารกิจเกี่ยวกับการรณรงค์เลือกตั้งใสสะอาดใน 4 ประเด็น คือ
3.1.1 สร้างองค์ความรู้และผลิตสาระในเชิงแนวคิด (Concept) เพื่อเป็นเครื่องมือการฝึกอบรม (Tool kit) เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ อาทิ ผลลัพธ์ของการทุจริตคอร์รัปชัน ความสำคัญของการเลือกตั้ง คุณสมบัติของคนดี/พรรคการเมืองที่ดีในตัวอย่างที่เป็นจริง เช่น ประชาชนได้รับอะไรหรือเสียอะไรจากการทุจริตคอร์รัปชัน
3.1.2 รณรงค์และเผยแพร่แนวคิดโดยสร้างเครือข่ายระดับประชาชนและเยาวชน
3.1.3 สร้างเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง
3.1.4 เสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรเพื่อธรรมาภิบาลเพื่อประชาธิปไตย (Good Governance Body) ทำหน้าที่เฝ้าติดตามและตรวจสอบการเลือกตั้ง
3.2 ในระยะยาว
3.2.1 ควรพัฒนาและปรับปรุงฐานรากระบอบประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน
3.2.2 ควรจัดทำและเผยแพร่สาระสำคัญรัฐธรรมนูญให้เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึงและแพร่หลาย
3.2.3 ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 ธันวาคม 2550--จบ--
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์) รายงานว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้ประกาศใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2550 ทำให้ภารกิจส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับถาวรสิ้นสุดลง คณะกรรมการฯ จึงได้มีมติในการประชุม ครั้งที่ 2/2550 วันที่ 19 กันยายน 2550 ให้สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ในภาพรวมตั้งแต่เริ่มดำเนินงานในเดือนธันวาคม 2549 จนถึงสิ้นสุดภารกิจในเดือนกันยายน 2550 นำเสนอคณะรัฐมนตรีได้รับทราบ ดังนี้
1. ผลการดำเนินงาน
1.1 ด้านการจัดโครงสร้างและการบริหารงานของคณะกรรมการฯ : ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ ฯ 4 คณะ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการบริหารแผนงาน คณะอนุกรรมการสนับสนุนการมีส่วนร่วมและรณรงค์ คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ และคณะอนุกรรมการวิชาการและข้อมูล
1.2 ด้านการบริหารแผนงาน/โครงการ : อนุมัติโครงการเกี่ยวกับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำรัฐธรรมนูญ อนุมัติโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมทางการเมือง และอนุมัติค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ/สำนักงานฯ
1.3 ด้านการสนับสนุนการมีส่วนร่วมและรณรงค์ : จัดประชุมคณะอนุกรรมการสนับสนุนการมีส่วนร่วมและรณรงค์ แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อรองรับการทำงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยงาน องค์กร สมาคม มูลนิธิ และเครือข่ายประชาธิปไตย ร่วมกับประชาชนในการจัดเวทีประชาธิปไตยในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด รวมทั้งรวบรวมความคิดเห็นข้อเสนอแนะของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อนำเสนอต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
1.4 ด้านการประชาสัมพันธ์ : จัดประชุมคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ จัดทำช่องทางการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ จัดเวทีเสียงประชาชน และจัดประชุมสัมมนาสื่อสาธารณะเพื่อการมีส่วนร่วม
1.5 ด้านวิชาการและข้อมูล : จัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่ความรู้ให้กับเครือข่าย องค์กร หน่วยงาน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป และรวบรวมข้อสรุปและประเด็นในการยกร่างรัฐธรรมนูญให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งสำรวจความคิดเห็นประชาชน
2. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน
2.1 ผลจากการสำรวจความเห็นของประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ พบว่ามีประชาชนร้อยละ 55.9 จากประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 11,090 ตัวอย่าง ที่เก็บทั่วประเทศยังเข้าถึงข้อมูลข่าวสารไม่เพียงพอ
2.2 ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับการคาดว่าจะออกไปใช้สิทธิลงประชามติ พบว่า
- ผู้ที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษาหรือต่ำกว่า คาดว่าจะออกไปใช้สิทธิร้อยละ 58.6 ไม่ออกไปใช้สิทธิร้อยละ 11 และยังไม่ตัดสินใจร้อยละ 30.2
- ผู้ที่มีการศึกษาระดับมัธยม/ปวช. / ปวส. คาดว่าจะออกไปใช้สิทธิร้อยละ 66 ไม่ออกไปใช้สิทธิร้อยละ 7.8 และยังไม่ตัดสินใจร้อยละ 25.4
- ผู้ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี คาดว่าจะออกไปใช้สิทธิร้อยละ 76 ไม่ออกไปใช้สิทธิ ร้อยละ 7.1 และยังไม่ตัดสินใจร้อยละ 16.8
- ผู้ที่มีการศึกษาสูงกว่าระดับปริญญาตรี คาดว่าจะออกไปใช้สิทธิร้อยละ 79.4 ไม่ออกไปใช้สิทธิร้อยละ 7.5 และยังไม่ได้ตัดสินใจร้อยละ 13
นอกจากนี้ ยังสำรวจพบว่ามีประชาชนที่ไม่ทราบเนื้อหาของรัฐธรรมนูญมากถึงร้อยละ 35.7
2.3 การประสานงานระหว่างคณะกรรมการฯ กับสภาร่างรัฐธรรมนูญและหน่วยงานภาครัฐยังขาดความกระชับในการเชื่อมประสานกัน
3. ข้อเสนอ : ทิศทางและแนวทางการดำเนินการต่อไปของภาคประชาชนในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
3.1 ในระยะสั้น (การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) ควรเน้นภารกิจเกี่ยวกับการรณรงค์เลือกตั้งใสสะอาดใน 4 ประเด็น คือ
3.1.1 สร้างองค์ความรู้และผลิตสาระในเชิงแนวคิด (Concept) เพื่อเป็นเครื่องมือการฝึกอบรม (Tool kit) เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ อาทิ ผลลัพธ์ของการทุจริตคอร์รัปชัน ความสำคัญของการเลือกตั้ง คุณสมบัติของคนดี/พรรคการเมืองที่ดีในตัวอย่างที่เป็นจริง เช่น ประชาชนได้รับอะไรหรือเสียอะไรจากการทุจริตคอร์รัปชัน
3.1.2 รณรงค์และเผยแพร่แนวคิดโดยสร้างเครือข่ายระดับประชาชนและเยาวชน
3.1.3 สร้างเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง
3.1.4 เสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์กรเพื่อธรรมาภิบาลเพื่อประชาธิปไตย (Good Governance Body) ทำหน้าที่เฝ้าติดตามและตรวจสอบการเลือกตั้ง
3.2 ในระยะยาว
3.2.1 ควรพัฒนาและปรับปรุงฐานรากระบอบประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน
3.2.2 ควรจัดทำและเผยแพร่สาระสำคัญรัฐธรรมนูญให้เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึงและแพร่หลาย
3.2.3 ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 ธันวาคม 2550--จบ--