คณะรัฐมนตรีพิจารณาการดำเนินการตามคำวินิจฉัยและคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดคดีหมายเลขดำ ที่ ฟ. 47/2549 และคดีหมายเลขแดงที่ ฟ. 35 /2550 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. รับทราบคำวินิจฉัยและคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ ฟ. 47/2549 และคดีหมายเลขแดงที่ ฟ. 35/2550 เรื่อง คดีการขอให้ถอดถอนพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้ง บมจ. ปตท
2. เห็นชอบหลักการการแบ่งแยกทรัพย์สิน อำนาจและสิทธิของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยที่จะให้เป็นของกระทรวงการคลังตามคำพิพากษา โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง รับไปดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินและสิทธิตามหลักการดังกล่าว โดยให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง ทั้งนี้ หากมีข้อโต้แย้งทางด้านกฎหมายเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษาของศาลฯ ในการดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สิน ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้พิจารณาเพื่อให้มีข้อยุติต่อไป
3. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์รับไปดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ในการคิดอัตราค่าเช่าในส่วนของทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อ เพื่อเป็นฐานในการคำนวณค่าเช่าให้แก่ บมจ.ปตท. ภายใน 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการคิดค่าเช่าจะต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักการทางการค้าที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย คือ กระทรวงการคลัง บมจ. ปตท. ผู้ถือหุ้นของ บมจ. ปตท. และผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติ โดยคำนึงถึงภาระผูกพันต่างๆ ที่ บมจ.ปตท. ต้องรับภาระ เช่น ภาระเงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ และคำนึงถึงลักษณะของท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่เป็นกิจการสาธารณูปโภค
4. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินรับไปพิจารณาในเรื่อง ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนการเช่าทรัพย์สิน
5. มอบหมายให้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย รับไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องภาระภาษีที่จะเกิดขึ้น ในช่วงตั้งแต่การแปลงสภาพปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยจนถึงวันที่ได้แบ่งแยกทรัพย์สินอย่างถูกต้อง เช่น ภาษีโรงเรือน ภาษีจากค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน ภาษีจากการหักค่าเช่าย้อนหลังและเบี้ยปรับเงินเพิ่ม รวมถึงความชัดเจนของภาระภาษีที่เกิดจากการแบ่งแยกทรัพย์สิน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 ธันวาคม 2550--จบ--
1. รับทราบคำวินิจฉัยและคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ ฟ. 47/2549 และคดีหมายเลขแดงที่ ฟ. 35/2550 เรื่อง คดีการขอให้ถอดถอนพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้ง บมจ. ปตท
2. เห็นชอบหลักการการแบ่งแยกทรัพย์สิน อำนาจและสิทธิของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยที่จะให้เป็นของกระทรวงการคลังตามคำพิพากษา โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง รับไปดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินและสิทธิตามหลักการดังกล่าว โดยให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง ทั้งนี้ หากมีข้อโต้แย้งทางด้านกฎหมายเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษาของศาลฯ ในการดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สิน ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้พิจารณาเพื่อให้มีข้อยุติต่อไป
3. มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์รับไปดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์ในการคิดอัตราค่าเช่าในส่วนของทรัพย์สินที่เป็นระบบท่อ เพื่อเป็นฐานในการคำนวณค่าเช่าให้แก่ บมจ.ปตท. ภายใน 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการคิดค่าเช่าจะต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักการทางการค้าที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย คือ กระทรวงการคลัง บมจ. ปตท. ผู้ถือหุ้นของ บมจ. ปตท. และผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติ โดยคำนึงถึงภาระผูกพันต่างๆ ที่ บมจ.ปตท. ต้องรับภาระ เช่น ภาระเงินกู้และดอกเบี้ยเงินกู้ และคำนึงถึงลักษณะของท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่เป็นกิจการสาธารณูปโภค
4. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินรับไปพิจารณาในเรื่อง ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนการเช่าทรัพย์สิน
5. มอบหมายให้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย รับไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องภาระภาษีที่จะเกิดขึ้น ในช่วงตั้งแต่การแปลงสภาพปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยจนถึงวันที่ได้แบ่งแยกทรัพย์สินอย่างถูกต้อง เช่น ภาษีโรงเรือน ภาษีจากค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน ภาษีจากการหักค่าเช่าย้อนหลังและเบี้ยปรับเงินเพิ่ม รวมถึงความชัดเจนของภาระภาษีที่เกิดจากการแบ่งแยกทรัพย์สิน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 ธันวาคม 2550--จบ--