แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
กระทรวงพลังงาน
คณะรัฐมนตรี
เขื่อน
กฟผ.
คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนน้ำงึม 3 และน้ำเทิน 1 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงพลังงานไปประกอบการพิจารณาดำเนินโครงการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพิจารณาแหล่งเงินกู้ภายในประเทศเป็นลำดับแรก
กระทรวงพลังงานพิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการนี้สามารถรองรับการซื้อไฟฟ้าจากโครงการน้ำงึม 3 และโครงการน้ำเทิน 1 ซึ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐในการรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของประเทศ โดยเฉพาะในเขตภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ กระจายประเภทของแหล่งผลิตไฟฟ้า ลดความผันผวนของต้นทุนผลิตไฟฟ้าในอนาคต ตลอดจนรักษาความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าให้เป็นไปตามมาตรฐานอันจะเป็นผลดีต่อประเทศโดยรวมในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ทางอ้อมต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยเฉพาะการค้าขายระหว่างชายแดนไทย-ลาว
อนึ่ง โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ กฟผ. และกลุ่มผู้ลงทุนโครงการน้ำเทิน 1 และน้ำงึม 3 ได้บรรลุข้อตกลงในเงื่อนไขสำคัญด้านกฎหมาย พาณิชย์ และเทคนิคในส่วนเนื้อหาหลัก (Mail Text) ของร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และได้มีการลงนามเบื้องต้น (Initial) แล้วเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2550 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 โดยคาดว่า กฟผ. สามารถลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับผู้ลงทุนโครงการทั้งสองดังกล่าวได้ประมาณปลายปี 2550 หรือต้นปี 2551 ซึ่งตามร่างสัญญาดังกล่าว กฟผ. จะต้องดำเนินการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าในเขตประเทศไทยเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนน้ำงึม 3 และน้ำเทิน 1
ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2555 เพื่อการทดสอบการเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของโครงการฯ ก่อนกำหนดการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ หากการก่อสร้างสายส่งล่าช้ากว่ากำหนดดังกล่าว กฟผ. จะต้องเสียค่าปรับให้กับโครงการทั้งสองดังกล่าว ประกอบกับ กฟผ. ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการในการจัดหาเขตเดินแนวสายไฟฟ้าใหม่ในเขตประเทศไทย จึงเห็นควรเร่งรัดการพิจารณาโครงการโดยเร็วเพื่อให้ กฟผ. สามารถเริ่มดำเนินการได้ตามแผนงาน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 ธันวาคม 2550--จบ--
กระทรวงพลังงานพิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการนี้สามารถรองรับการซื้อไฟฟ้าจากโครงการน้ำงึม 3 และโครงการน้ำเทิน 1 ซึ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐในการรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาล สปป.ลาว เพื่อสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของประเทศ โดยเฉพาะในเขตภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ กระจายประเภทของแหล่งผลิตไฟฟ้า ลดความผันผวนของต้นทุนผลิตไฟฟ้าในอนาคต ตลอดจนรักษาความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าให้เป็นไปตามมาตรฐานอันจะเป็นผลดีต่อประเทศโดยรวมในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์ทางอ้อมต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยเฉพาะการค้าขายระหว่างชายแดนไทย-ลาว
อนึ่ง โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ กฟผ. และกลุ่มผู้ลงทุนโครงการน้ำเทิน 1 และน้ำงึม 3 ได้บรรลุข้อตกลงในเงื่อนไขสำคัญด้านกฎหมาย พาณิชย์ และเทคนิคในส่วนเนื้อหาหลัก (Mail Text) ของร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และได้มีการลงนามเบื้องต้น (Initial) แล้วเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2550 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 โดยคาดว่า กฟผ. สามารถลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับผู้ลงทุนโครงการทั้งสองดังกล่าวได้ประมาณปลายปี 2550 หรือต้นปี 2551 ซึ่งตามร่างสัญญาดังกล่าว กฟผ. จะต้องดำเนินการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าในเขตประเทศไทยเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนน้ำงึม 3 และน้ำเทิน 1
ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2555 เพื่อการทดสอบการเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของโครงการฯ ก่อนกำหนดการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ หากการก่อสร้างสายส่งล่าช้ากว่ากำหนดดังกล่าว กฟผ. จะต้องเสียค่าปรับให้กับโครงการทั้งสองดังกล่าว ประกอบกับ กฟผ. ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการในการจัดหาเขตเดินแนวสายไฟฟ้าใหม่ในเขตประเทศไทย จึงเห็นควรเร่งรัดการพิจารณาโครงการโดยเร็วเพื่อให้ กฟผ. สามารถเริ่มดำเนินการได้ตามแผนงาน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 ธันวาคม 2550--จบ--