เรื่อง ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแก้ไขอาคารที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการแก้ไขอาคารที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สิน หรือ อาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัยหรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
มท. เสนอว่า ตามที่ได้มีกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารปรับปรุงหรือแก้ไขระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับอัคคีภัยของอาคาร นั้น โดยที่กฎกระทรวงดังกล่าวได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ข้อกำหนดบางประการไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน เนื่องจากมีอาคารเก่าเป็นจำนวนมากที่ยังไม่มีระบบความปลอดภัยด้านอัคคีภัยอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอาคารที่เข้าข่ายเป็นอาคารสูง อาคารชนิดใหญ่พิเศษ อาคารสาธารณะ หรืออาคารที่มีผู้เข้าใช้สอยจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อให้อาคารเก่าที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญ หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีความปลอดภัยต่อการใช้สอยอาคารมากยิ่งขึ้น สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารปรับปรุงหรือแก้ไขระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับอัคคีภัยของอาคาร เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
ปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม ดังนี้
1.1 ตัดบทนิยาม “อาคารสูง” และ “อาคารขนาดใหญ่พิเศษ”
1.2 แก้ไขบทนิยาม
“อาคารขนาดใหญ่” หมายความว่า อาคารที่มีพื้นที่รวมกันทุกชั้นหรือชั้นหนึ่งชั้นใดในหลังเดียวกันเกิน 2,000 ตารางเมตร หรืออาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 15.00 เมตรขึ้นไป และมีพื้นที่รวมกันทุกชั้นหรือชั้นหนึ่งชั้นใดในหลังเดียวกันเกิน 1,000 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร การวัดความสูงของอาคารให้วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงพื้นดาดฟ้า สำหรับอาคารจั่วหรือปั้นหยาให้วัดจากระดับพื้นดินที่ก่อสร้างถึงยอดผนังของชั้นสูงสุด
“อาคารสาธารณะ” หมายความว่า อาคารที่ใช้เพื่อประโยชน์ในการชุมนุมคนได้โดยทั่วไป เพื่อกิจกรรมทางราชการ การเมือง การศึกษา การศาสนา การสังคม การนันทนาการ หรือการพาณิชยกรรม เช่น โรงมหรสพ หอประชุม โรงแรม โรงพยาบาล หอสมุด สนามกีฬากลางแจ้ง สถานกีฬาในร่ม ตลาด ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานบริการ ท่าอากาศยาน อุโมงค์ สะพาน อาคารจอดรถ สถานีรถ ท่าจอดเรือ โป๊ะจอดเรือ สุสาน ฌาปนสถาน ศาสนสถาน สถานกวดวิชาหรือกิจกรรมอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น
“อาคารอยู่อาศัยรวม” หมายความว่า อาคารหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคารที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับหลายครอบครัว โดยแบ่งออกเป็นหน่วยแยกจากกันสำหรับแต่ละครอบครัว
1.3 เพิ่มบทนิยาม
“อาคารชุด” หมายความว่า อาคารชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
“หอพัก” หมายความว่า อาคารสำหรับใช้เป็นหอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก
“วัสดุไม่ติดไฟ” หมายความว่า วัสดุที่ใช้งานและเมื่ออยู่ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ใช้งานแล้วจะไม่สามารถไม่ติดไฟ ไม่เกิดการเผาไหม้ ไม่สนับสนุนการเผาไหม้ หรือไม่ปล่อยไอที่พร้อมจะลุกไหม้ เมื่อสัมผัสกับเปลวไฟหรือความร้อน เช่น อิฐ อิฐมวลเบา ยิปซั่มทนไฟ ซีเมนต์บอร์ด กระจกทนไฟ เป็นต้น
“การอุดหรือปิดล้อมช่องท่อและช่องว่างระหว่างท่อที่ผ่านพื้นหรือผนัง” หมายความว่า การป้องกันช่องท่อและช่องว่างระหว่างท่อที่ผ่านพื้นหรือผนัง เพื่อป้องกันไม่ให้ควันและไฟลุกลามและเพิ่มความสมบูรณ์ของส่วนกั้นแยกของพื้นหรือผนังทนไฟให้ใช้งานได้ตรงตามวัตถุประสงค์
“แผ่นโลหะคอมโพสิต” หมายความว่า แผ่นวัสดุที่ประกอบด้วยผิวโลหะด้านหน้าและด้านหลัง ประกอบยึดกับไส้กลางซึ่งเป็นวัสดุเสริมความแข็งแรงหรือฉนวน
2. แก้ไขเพิ่มเติมประเภทอาคารที่บังคับใช้ โดยเพิ่มอาคารชุมนุมคน อาคารชุด และหอพัก
3. กำหนดให้การสั่งการให้แก้ไขอาคาร เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารดำเนินการได้ตามลักษณะที่จำเป็นต้องมีสำหรับอาคารนั้น ๆ ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) อาคารที่มีความสูงตั้งแต่สี่ชั้นขึ้นไปหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษที่มีความสูงตั้งแต่สองชั้นขึ้นไป ให้ติดตั้งบันไดหนีไฟที่ไม่ใช่บันไดแนวดิ่งเพิ่มจากบันไดหลักให้เหมาะสมกับพื้นที่ของอาคารแต่ละชั้น โดยไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร แต่ต้องยื่นแบบให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจพิจารณาให้ความเห็นชอบ และบันไดหนีไฟต้องมีลักษณะตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
(2) อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ ให้มีผนังและประตูที่ทำด้วยวัสดุไม่ติดไฟที่สามารถปิดกั้นมิให้เปลวไฟหรือควันเมื่อเกิดเพลิงไหม้เข้าไปในบริเวณบันไดที่มิใช่บันไดหนีไฟของอาคาร
(3) อาคารสูงหรืออาคารชนิดใหญ่พิเศษเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอัคคีภัย เช่น ห้องเก็บสิ่งของหรือวัสดุจำนวนมาก ฯลฯ ให้มีการกั้นแยกของอาคาร โดยมีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง หรือเป็นไปตามมาตรฐานว่าด้วยการกั้นแยกของกรมโยธาธิการและผังเมือง หรือติดตั้งระบบดับเพลิงอัตโนมัติ
(4) อาคารสูง ให้มีระบบป้องกันเพลิงไหม้ ซึ่งประกอบด้วยระบบท่อยื่นและหัวรับน้ำดับเพลิงตามลักษณะที่กำหนดในกฎกระทรวง
(5) ให้มีการอุดหรือปิดล้อมช่องท่อและช่องว่างระหว่างท่อที่ผ่านพื้นหรือผนังโดยมีอัตราการทนไฟไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
(6) ให้มีการติดตั้งแบบแปลนแผนผังของอาคารแต่ละชั้นตามทิศทางการวางตัวของอาคาร แสดงตำแหน่งห้องต่าง ๆ ตำแหน่งที่ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ประตูหรือทางหนีไฟของชั้นนั้นติดไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนที่บริเวณห้องโถงหรือหน้าลิฟต์ทุกแห่งทุกชั้นของอาคาร และบริเวณพื้นชั้นล่างของอาคารต้องจัดให้มีแบบแปลนแผนผังของอาคารทุกชั้นเก็บรักษาไว้ที่ห้องควบคุมหรือห้องที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายเพื่อให้สมารถตรวจสอบได้โดยสะดวก
(7) ให้ติดตั้งเครื่องดับเพลิงยกหิ้วตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมตามชนิดและขนาด ที่เหมาะสมสำหรับดับเพลิงที่เกิดจากประเภทของวัสดุที่มีในแต่ละชั้น
(8) อาคารสูง อาคารขนาดใหญ่พิเศษ อาคารขนาดใหญ่ และอาคารชุมนุมคนให้ติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ทุกชั้น โดยระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ต้องมีลักษณะตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
(9) ให้ติดตั้งระบบไฟส่องสว่างสำรองเพื่อให้มีแสงสว่างสามารถมองเห็นช่องทางเดินได้ขณะเพลิงไหม้ และมีป้ายบอกชั้นและป้ายบอกทางหนีไฟที่ด้านในและด้านนอกประตูหนีไฟทุกชั้นที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนตลอดเวลา
(10) อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษให้ติดตั้งระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ซึ่งประกอบด้วยตัวนำล่อฟ้า ตัวนำลงดิน และหลักสายดินที่เชื่อมโยงกันเป็นระบบโดยให้เป็นไปตามมาตรฐานว่าด้วยระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าของกรมโยธาธิการและผังเมืองหรือมาตรฐานอื่นที่คณะกรรมการควบคุมอาคารให้การรับรอง
4. กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารเก่ายื่นผลการตรวจสภาพความปลอดภัย ด้านอัคคีภัยของอาคารจากการใช้แผ่นโลหะคอมโพสิตที่แกนกลางหรือไส้กลางประกอบด้วยพลาสติกเป็นผนังภายนอกหรือวัสดุตกแต่งผิวภายนอกต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น โดยการตรวจสภาพให้กระทำโดยผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม ระดับไม่ต่ำกว่าสามัญสถาปนิก ตามกฎหมายว่าด้วยสถาปนิก หรือผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ระดับไม่ต่ำกว่าสามัญวิศวกร ตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร สำหรับหลักเกณฑ์ และวิธีการตรวจสอบสภาพความปลอดภัยให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด หากไม่ผ่านหลักเกณฑ์ให้ถือว่าเป็นอาคารไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย ให้แก้ไขอาคารให้มีความปลอดภัยโดยไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร แต่ต้องยื่นแบบให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจพิจารณาให้ความเห็นชอบและออกคำสั่งให้เจ้าของอาคาร แก้ไขอาคารโดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
5. กำหนดให้ในกรณีเจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารดำเนินการแก้ไขอาคาร ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นแต่งตั้งคณะนายช่างเพื่อตรวจสอบสภาพหรือการใช้อาคารหรือระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับอัคคีภัย ซึ่งเดิมกำหนดเพียงนายช่างเพียงคงเดียวก็สามารถตรวจสอบได้
6. กำหนดให้เจ้าของอาคารที่ได้รับคำสั่งให้แก้ไขอาคาร กรณีที่อาคารเป็นภยันตราย ต่อชีวิตหรือร่างกายที่เกิดจากความไม่มั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร ต้องยื่นแบบที่รับรองโดยวิศวกรตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร สาขาวิศวกรรมโยธา ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 สิงหาคม 2561--