คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ การจ่ายค่าชดเชยตามผลต่างที่เพิ่มขึ้นหรือการได้รับค่าชดเชยจากโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงมหาดไทยเสนอว่า เนื่องด้วยมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 ที่ได้ประกาศใช้บังคับแล้ว กำหนดให้ค่าชดเชยระหว่างกันไม่ต้องมีหากเป็นกรณีตามโครงการจัดรูปที่ดินที่เจ้าของที่ดินทุกรายได้รับที่ดินมีราคาเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงในส่วนที่เท่าเทียมกันทุกราย แต่ถ้าราคาที่ดินได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงมีสัดส่วนที่ไม่เท่าเทียมกัน ให้ฝ่ายที่ได้รับประโยชน์ในสัดส่วนที่มากกว่า หรือได้ที่ดินที่มีราคาสูงขึ้นแล้วแต่กรณี จ่ายค่าชดเชยตามผลต่างของประโยชน์ที่ตนได้รับให้กับโครงการจัดรูปที่ดิน และให้ผู้ที่ได้รับประโยชน์ในสัดส่วนน้อยกว่าหรือได้ที่ดินที่มีราคาน้อยลง มีสิทธิได้รับค่าชดเชยจากโครงการจัดรูปที่ดิน การจ่ายค่าชดเชยตามผลต่างที่เพิ่มขึ้นหรือการได้รับค่าชดเชยจากโครงการจัดรูปที่ดิน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามโครงการจัดรูปที่ดินและสอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้น สมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายค่าชดเชยตามผลต่างที่เพิ่มขึ้น หรือการได้รับค่าชดเชยจากโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ได้มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2550 จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ การจ่ายค่าชดเชยตามผลต่างที่เพิ่มขึ้นหรือการได้รับค่าชดเชยจากโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. .... มาเพื่อดำเนินการ โดยมีสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงดังนี้
1. กำหนดให้เจ้าของที่ดินจ่ายเงินอันเป็นราคาในส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นการชดเชยให้แก่ผู้ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน (ร่างข้อ 1)
2. กำหนดให้เจ้าของที่ดินได้รับเงินอันเป็นราคาในส่วนที่น้อยลงเป็นการชดเชยจากผู้ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน (ร่างข้อ 2)
3. กำหนดให้การคำนวณเงินค่าชดเชยจะต้องเป็นไปโดยสอดคล้องกับการประเมินราคาทรัพย์สินของผู้เชี่ยวชาญตามมาตรา 61 และมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 (ร่างข้อ 3)
4. กำหนดให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดในกรณีที่มีปัญหาหรือคำร้องเกี่ยวกับการชำระค่าชดเชย (ร่างข้อ 5)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 ธันวาคม 2550--จบ--
กระทรวงมหาดไทยเสนอว่า เนื่องด้วยมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 ที่ได้ประกาศใช้บังคับแล้ว กำหนดให้ค่าชดเชยระหว่างกันไม่ต้องมีหากเป็นกรณีตามโครงการจัดรูปที่ดินที่เจ้าของที่ดินทุกรายได้รับที่ดินมีราคาเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงในส่วนที่เท่าเทียมกันทุกราย แต่ถ้าราคาที่ดินได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงมีสัดส่วนที่ไม่เท่าเทียมกัน ให้ฝ่ายที่ได้รับประโยชน์ในสัดส่วนที่มากกว่า หรือได้ที่ดินที่มีราคาสูงขึ้นแล้วแต่กรณี จ่ายค่าชดเชยตามผลต่างของประโยชน์ที่ตนได้รับให้กับโครงการจัดรูปที่ดิน และให้ผู้ที่ได้รับประโยชน์ในสัดส่วนน้อยกว่าหรือได้ที่ดินที่มีราคาน้อยลง มีสิทธิได้รับค่าชดเชยจากโครงการจัดรูปที่ดิน การจ่ายค่าชดเชยตามผลต่างที่เพิ่มขึ้นหรือการได้รับค่าชดเชยจากโครงการจัดรูปที่ดิน ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามโครงการจัดรูปที่ดินและสอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้น สมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายค่าชดเชยตามผลต่างที่เพิ่มขึ้น หรือการได้รับค่าชดเชยจากโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ได้มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2550 จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ การจ่ายค่าชดเชยตามผลต่างที่เพิ่มขึ้นหรือการได้รับค่าชดเชยจากโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. .... มาเพื่อดำเนินการ โดยมีสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงดังนี้
1. กำหนดให้เจ้าของที่ดินจ่ายเงินอันเป็นราคาในส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นการชดเชยให้แก่ผู้ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน (ร่างข้อ 1)
2. กำหนดให้เจ้าของที่ดินได้รับเงินอันเป็นราคาในส่วนที่น้อยลงเป็นการชดเชยจากผู้ดำเนินโครงการจัดรูปที่ดิน (ร่างข้อ 2)
3. กำหนดให้การคำนวณเงินค่าชดเชยจะต้องเป็นไปโดยสอดคล้องกับการประเมินราคาทรัพย์สินของผู้เชี่ยวชาญตามมาตรา 61 และมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ พ.ศ. 2547 (ร่างข้อ 3)
4. กำหนดให้คณะกรรมการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดในกรณีที่มีปัญหาหรือคำร้องเกี่ยวกับการชำระค่าชดเชย (ร่างข้อ 5)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 ธันวาคม 2550--จบ--