คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการลดหย่อนอัตราค่าชลประทานสำหรับผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานเพื่อกิจการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. ปัจจุบันกรมชลประทานได้เรียกเก็บค่าชลประทานกับผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทาน ทั้งจากผู้ใช้น้ำในและนอกเขตชลประทาน เพื่อกิจการอื่นในลักษณะกิจการโรงงาน การประปาซึ่งทำให้น้ำสูญเสียไป โดยเรียกเก็บในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์ และกำหนดชำระเป็นรายเดือนตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 42 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485
2. เนื่องจากกรมชลประทานอนุญาตให้ กฟผ. ใช้น้ำที่เหลือจากภารกิจ ด้านชลประทานจากเขื่อนต่าง ๆ เป็นเวลา 30 ปี โดย กฟผ. ตกลงชำระค่าชลประทาน ประเภทเขื่อน หรือฝายกักเก็บน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 0.0246 บาท ประเภทเขื่อน หรือฝายทดน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 0.0064 บาท ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำเพื่อกิจการอื่น เฉพาะกิจการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กท้ายเขื่อนหรือฝายชลประทานในประเภทเขื่อน หรือฝายกักเก็บน้ำ และประเภทเขื่อน หรือฝายทดน้ำ ซึ่งเป็นการใช้น้ำที่ไม่เกิดการสูญเสียไป แต่ยังหมุนเวียนกลับมาใช้ต่อในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม หรือกิจการอื่น ๆ ได้อีกและเพื่อให้การลดหย่อนค่าชลประทานแก่ผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานเพื่อกิจการอื่น มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป สมควรกำหนดกฎกระทรวงเพื่อการลดหย่อนอัตราค่าชลประทานเพื่อพิจารณาพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กตามที่เสนอ
ซึ่งสาระสำคัญของร่างกฎหมาย เป็นการกำหนดการลดหย่อนอัตราค่าชลประทานสำหรับผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานไม่ว่าผู้ใช้น้ำจะอยู่ในหรือนอกเขตชลประทาน เพื่อกิจการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กท้ายเขื่อน หรือฝ่ายชลประทาน โดยให้กรมชลประทานเรียกเก็บในอัตราค่าชลประทานดังนี้
1. ประเภทเขื่อน หรือฝายกักเก็บน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 0.0246 (ศูนย์จุดศูนย์สองสี่หก) บาท
2. ประเภทเขื่อน หรือฝายทดน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 0.0064 (ศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หกสี่) บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 มกราคม 2551--จบ--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. ปัจจุบันกรมชลประทานได้เรียกเก็บค่าชลประทานกับผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทาน ทั้งจากผู้ใช้น้ำในและนอกเขตชลประทาน เพื่อกิจการอื่นในลักษณะกิจการโรงงาน การประปาซึ่งทำให้น้ำสูญเสียไป โดยเรียกเก็บในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์ และกำหนดชำระเป็นรายเดือนตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 42 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485
2. เนื่องจากกรมชลประทานอนุญาตให้ กฟผ. ใช้น้ำที่เหลือจากภารกิจ ด้านชลประทานจากเขื่อนต่าง ๆ เป็นเวลา 30 ปี โดย กฟผ. ตกลงชำระค่าชลประทาน ประเภทเขื่อน หรือฝายกักเก็บน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 0.0246 บาท ประเภทเขื่อน หรือฝายทดน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 0.0064 บาท ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ใช้น้ำเพื่อกิจการอื่น เฉพาะกิจการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กท้ายเขื่อนหรือฝายชลประทานในประเภทเขื่อน หรือฝายกักเก็บน้ำ และประเภทเขื่อน หรือฝายทดน้ำ ซึ่งเป็นการใช้น้ำที่ไม่เกิดการสูญเสียไป แต่ยังหมุนเวียนกลับมาใช้ต่อในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม หรือกิจการอื่น ๆ ได้อีกและเพื่อให้การลดหย่อนค่าชลประทานแก่ผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานเพื่อกิจการอื่น มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป สมควรกำหนดกฎกระทรวงเพื่อการลดหย่อนอัตราค่าชลประทานเพื่อพิจารณาพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กตามที่เสนอ
ซึ่งสาระสำคัญของร่างกฎหมาย เป็นการกำหนดการลดหย่อนอัตราค่าชลประทานสำหรับผู้ใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานไม่ว่าผู้ใช้น้ำจะอยู่ในหรือนอกเขตชลประทาน เพื่อกิจการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กท้ายเขื่อน หรือฝ่ายชลประทาน โดยให้กรมชลประทานเรียกเก็บในอัตราค่าชลประทานดังนี้
1. ประเภทเขื่อน หรือฝายกักเก็บน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 0.0246 (ศูนย์จุดศูนย์สองสี่หก) บาท
2. ประเภทเขื่อน หรือฝายทดน้ำ ลูกบาศก์เมตรละ 0.0064 (ศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หกสี่) บาท
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 มกราคม 2551--จบ--