คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัย ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างความตกลงดังกล่าว ซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามความตกลงในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
3. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทางการทูตเพื่อให้ความตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ต่อไป กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ด้วยรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัยได้ร่วมกันพิจารณายกร่างความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ โดยฝ่ายไทยได้เสนอร่างความตกลงให้ฝ่ายอุรุกวัยพิจารณาเมื่อปี 2541 ซึ่งต่อมาได้แลกเปลี่ยนร่างโต้ตอบความตกลงระหว่างกันมาตามลำดับและฝ่ายอุรุกวัยได้เห็นชอบร่างความตกลงของฝ่ายไทยและพร้อมจะลงนามความตกลงดังกล่าวแล้ว
สาระสำคัญของร่างความตกลง ได้แก่ บุคคลสัญชาติไทยและอุรุกวัยผู้ถือหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางราชการจะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้า ออก ผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของแต่ละฝ่ายเป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน และในกรณีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นบุคคลในคณะผู้แทนทางทูตหรือกงสุลหรือองค์การระหว่างประเทศรวมถึงบุคคลในครอบครัวจะได้รับยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้า ออก และพำนัก เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน โดยกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตของฝ่ายนั้นสามารถขอขยายระยะเวลาออกไปจนสิ้นสุดวาระที่ได้รับแต่งตั้ง ทั้งนี้ สารัตถะของความตกลงดังกล่าว ไม่มีประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 แต่อย่างใด และกระทรวงการต่างประเทศได้ขอความเห็นจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงดังกล่าวแล้ว ซึ่งทั้ง 4 หน่วยงานไม่มีข้อขัดข้อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 มกราคม 2551--จบ--
1. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัย ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างความตกลงดังกล่าว ซึ่งไม่มีผลเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามความตกลงในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย
3. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทางการทูตเพื่อให้ความตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ต่อไป กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ด้วยรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัยได้ร่วมกันพิจารณายกร่างความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ โดยฝ่ายไทยได้เสนอร่างความตกลงให้ฝ่ายอุรุกวัยพิจารณาเมื่อปี 2541 ซึ่งต่อมาได้แลกเปลี่ยนร่างโต้ตอบความตกลงระหว่างกันมาตามลำดับและฝ่ายอุรุกวัยได้เห็นชอบร่างความตกลงของฝ่ายไทยและพร้อมจะลงนามความตกลงดังกล่าวแล้ว
สาระสำคัญของร่างความตกลง ได้แก่ บุคคลสัญชาติไทยและอุรุกวัยผู้ถือหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางราชการจะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้า ออก ผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของแต่ละฝ่ายเป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน และในกรณีที่ได้รับแต่งตั้งเป็นบุคคลในคณะผู้แทนทางทูตหรือกงสุลหรือองค์การระหว่างประเทศรวมถึงบุคคลในครอบครัวจะได้รับยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้า ออก และพำนัก เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน โดยกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตของฝ่ายนั้นสามารถขอขยายระยะเวลาออกไปจนสิ้นสุดวาระที่ได้รับแต่งตั้ง ทั้งนี้ สารัตถะของความตกลงดังกล่าว ไม่มีประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 แต่อย่างใด และกระทรวงการต่างประเทศได้ขอความเห็นจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงดังกล่าวแล้ว ซึ่งทั้ง 4 หน่วยงานไม่มีข้อขัดข้อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 มกราคม 2551--จบ--