คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ (FAO Conference) ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 17-24 พฤศจิกายน 2550 ณ สำนักงานใหญ่ เอฟ เอ โอ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสรุปผลการประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ (FAO Conference) ครั้งที่ 34 ดังนี้
1. ที่ประชุมให้การรับรองสมาชิกใหม่ขององค์กรเพิ่มอีก 2 ประเทศ ได้แก่ แอนดอร่า (the Principality of Andora) และมอนเตเนโกร (Republic of Montenegro) และรับรองหมู่เกาะฟาโรห์ (Faroe Island) เป็นสมาชิกสมทบ (Associate membership) ดังนั้น สมาชิก เอฟ เอ โอ จะมีทั้งสิ้นจำนวน 190 ประเทศกับ 1 องค์กร (EU) และ 1 สมาชิกสมทบ
2. หัวหน้าคณะผู้แทนของประเทศสมาชิกกว่า 100 ประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์การเกษตรของโลก การลดความยากจน ความมั่นคงด้านอาหารโลก ผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า รายงานการประเมินผลอิสระภายนอก (Independent External Evaluation of FAO : IEE) จะเป็นแนวทางในการปรับปรุง เอฟ เอ โอ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในการขจัดความยากจนโดยใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมขอให้เอฟ เอ โอ ให้ความสำคัญกับปัญหาที่โลกกำลังเผชิญในสภาวะปัจจุบัน คือ Climate Change และ Bio-energy และหวังว่า IEE จะช่วยให้ เอฟ เอ โอ มีความมั่นคงและเข้มแข็งขึ้นทั้งด้านการเงินและแผนงาน
3. ที่ประชุมเห็นชอบแผนงานและวงเงินงบประมาณสำหรับปี 2551-2552 จำนวน 1,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2549-2550 จำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบอัตราส่วนการจ่ายค่าสมาชิกของประเทศสมาชิก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยจะจ่ายในอัตราร้อยละ 0.187 ลดลงร้อยละ 12.2 จากปีงบประมาณ 2549-2550 ซึ่งจ่ายในอัตราร้อยละ 0.213 ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2551-2552 ไทยจะต้องจ่ายค่าสมาชิกปีละประมาณ 32 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา
4. ที่ประชุมแสดงความพอใจต่อข้อเสนอแนะของ IEE ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปองค์กร (FAO Reform) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการสมัชชา เอฟ เอ โอ (Committee of the Conference) เป็นกรณีพิเศษเพื่อเตรียมการสำหรับการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ (Immediate Action Plan) และจัดประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ สมัยพิเศษ ในปลายปี 2551 รวมทั้งจัดตั้งคณะทำงาน (Working Group) อีก 3 คณะ ตามข้อเสนอแนะของ IEE เพื่อพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุง เอฟ เอ โอ
5. ที่ประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ มีมติเห็นชอบรับรองภาษารัสเซียเป็นภาษาทางการภาษาที่ 6 ของ เอฟ เอ โอ
6. เอฟ เอ โอ ได้มอบรางวัล Margarita Lizarraga Medal ประจำปี 2549-2550 ให้แก่ SEAFDEC (Southeast Asian Fisheries Development Center) ซึ่งประเทศไทยเป็นสถานที่ตั้งขององค์กรดังกล่าวในเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติงานดีเด่นตาม Code of Conduct for Responsible Fisheries
7. ที่ประชุมได้ตระหนักถึงความสำคัญของปีมันฝรั่งสากล (International Year of the Potato 2551) ซึ่งมันฝรั่งเป็นอาหารหลักของประเทศต่าง ๆ พร้อมขอให้ประเทศสมาชิกร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือในโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมันฝรั่ง
8. ที่ประชุมตระหนักถึงความสำคัญของพืชเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งในปี 2552 จะเป็นปีสากลแห่งพืชเส้นใยธรรมชาติ (International Year of Natural Fibres 2552) โดยเห็นว่าเอฟ เอ โอ จะมีบทบาทนำในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการจัดงานปีสากลแห่งพืชเส้นใยปี 2552 ตามประกาศขององค์การสหประชาชาติ
9. ข้อคิดเห็นของผู้แทนไทย
9.1 ในการประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ สำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2551 สมควรผลักดันให้ เอฟ เอ โอ จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อประเด็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate change) และเรื่องของพลังงานชีวภาพ (Bio-energy) เนื่องจากทั้งสองเรื่องนี้มีผลกระทบต่อการขจัดความยากจนและความมั่นคงด้านอาหาร ตลอดจนเรื่องของราคาสินค้าเกษตร เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว
9.2 ตามที่ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการประชุม FAO Conference สมัยพิเศษ ในปลายปี 2551 เพื่อพิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะประเมินผลอิสระภายนอกที่มีต่อการปรับปรุงองค์กรนั้น เชื่อว่าจะเป็นแนวทางในการปฏิรูปบทบาทของ เอฟ เอ โอ ให้เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 มกราคม 2551--จบ--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสรุปผลการประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ (FAO Conference) ครั้งที่ 34 ดังนี้
1. ที่ประชุมให้การรับรองสมาชิกใหม่ขององค์กรเพิ่มอีก 2 ประเทศ ได้แก่ แอนดอร่า (the Principality of Andora) และมอนเตเนโกร (Republic of Montenegro) และรับรองหมู่เกาะฟาโรห์ (Faroe Island) เป็นสมาชิกสมทบ (Associate membership) ดังนั้น สมาชิก เอฟ เอ โอ จะมีทั้งสิ้นจำนวน 190 ประเทศกับ 1 องค์กร (EU) และ 1 สมาชิกสมทบ
2. หัวหน้าคณะผู้แทนของประเทศสมาชิกกว่า 100 ประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์การเกษตรของโลก การลดความยากจน ความมั่นคงด้านอาหารโลก ผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า รายงานการประเมินผลอิสระภายนอก (Independent External Evaluation of FAO : IEE) จะเป็นแนวทางในการปรับปรุง เอฟ เอ โอ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในการขจัดความยากจนโดยใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมขอให้เอฟ เอ โอ ให้ความสำคัญกับปัญหาที่โลกกำลังเผชิญในสภาวะปัจจุบัน คือ Climate Change และ Bio-energy และหวังว่า IEE จะช่วยให้ เอฟ เอ โอ มีความมั่นคงและเข้มแข็งขึ้นทั้งด้านการเงินและแผนงาน
3. ที่ประชุมเห็นชอบแผนงานและวงเงินงบประมาณสำหรับปี 2551-2552 จำนวน 1,024 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2549-2550 จำนวน 172 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบอัตราส่วนการจ่ายค่าสมาชิกของประเทศสมาชิก ซึ่งในส่วนของประเทศไทยจะจ่ายในอัตราร้อยละ 0.187 ลดลงร้อยละ 12.2 จากปีงบประมาณ 2549-2550 ซึ่งจ่ายในอัตราร้อยละ 0.213 ดังนั้น ในปีงบประมาณ 2551-2552 ไทยจะต้องจ่ายค่าสมาชิกปีละประมาณ 32 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา
4. ที่ประชุมแสดงความพอใจต่อข้อเสนอแนะของ IEE ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปองค์กร (FAO Reform) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการสมัชชา เอฟ เอ โอ (Committee of the Conference) เป็นกรณีพิเศษเพื่อเตรียมการสำหรับการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ (Immediate Action Plan) และจัดประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ สมัยพิเศษ ในปลายปี 2551 รวมทั้งจัดตั้งคณะทำงาน (Working Group) อีก 3 คณะ ตามข้อเสนอแนะของ IEE เพื่อพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุง เอฟ เอ โอ
5. ที่ประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ มีมติเห็นชอบรับรองภาษารัสเซียเป็นภาษาทางการภาษาที่ 6 ของ เอฟ เอ โอ
6. เอฟ เอ โอ ได้มอบรางวัล Margarita Lizarraga Medal ประจำปี 2549-2550 ให้แก่ SEAFDEC (Southeast Asian Fisheries Development Center) ซึ่งประเทศไทยเป็นสถานที่ตั้งขององค์กรดังกล่าวในเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติงานดีเด่นตาม Code of Conduct for Responsible Fisheries
7. ที่ประชุมได้ตระหนักถึงความสำคัญของปีมันฝรั่งสากล (International Year of the Potato 2551) ซึ่งมันฝรั่งเป็นอาหารหลักของประเทศต่าง ๆ พร้อมขอให้ประเทศสมาชิกร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือในโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมันฝรั่ง
8. ที่ประชุมตระหนักถึงความสำคัญของพืชเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งในปี 2552 จะเป็นปีสากลแห่งพืชเส้นใยธรรมชาติ (International Year of Natural Fibres 2552) โดยเห็นว่าเอฟ เอ โอ จะมีบทบาทนำในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการจัดงานปีสากลแห่งพืชเส้นใยปี 2552 ตามประกาศขององค์การสหประชาชาติ
9. ข้อคิดเห็นของผู้แทนไทย
9.1 ในการประชุมสมัชชา เอฟ เอ โอ สำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2551 สมควรผลักดันให้ เอฟ เอ โอ จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอต่อประเด็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate change) และเรื่องของพลังงานชีวภาพ (Bio-energy) เนื่องจากทั้งสองเรื่องนี้มีผลกระทบต่อการขจัดความยากจนและความมั่นคงด้านอาหาร ตลอดจนเรื่องของราคาสินค้าเกษตร เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว
9.2 ตามที่ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการประชุม FAO Conference สมัยพิเศษ ในปลายปี 2551 เพื่อพิจารณารายงานและข้อเสนอแนะของคณะประเมินผลอิสระภายนอกที่มีต่อการปรับปรุงองค์กรนั้น เชื่อว่าจะเป็นแนวทางในการปฏิรูปบทบาทของ เอฟ เอ โอ ให้เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 มกราคม 2551--จบ--