คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) ที่ 2432 (ค.ศ. 2018) เกี่ยวกับสาธารณรัฐมาลี โดย UNSC ได้ออกข้อมติเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรการลงโทษสาธารณรัฐมาลี และเนื้อหาของข้อมติมิได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของมาตรการลงโทษที่มีอยู่เดิม จึงให้ดำเนินการตามข้อมติดังกล่าว จนกว่า UNSC จะรับรองข้อมติเพื่อเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษกรณีสาธารณรัฐมาลี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ
โดยมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถือปฏิบัติและปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ถูกมาตรการห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สินให้เป็นไปตามรายการล่าสุด เพื่อดำเนินมาตรการห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สิน ตามข้อมูลเว็บไซต์ของสหประชาชาติ https://www.un.org/sc/suborg/en/sanctions/2374)
กต. รายงานว่า สถานการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงในสาธารณรัฐมาลียังคงดำเนินอยู่ UNSC จึงได้รับรองข้อมติที่ 2432 (ค.ศ. 2018) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการคงมาตรการการห้ามเดินทางและการอายัดทรัพย์สินต่อสาธารณรัฐมาลีตามที่ระบุไว้ในข้อมติที่ 2374 (ค.ศ. 2017) ตลอดจนข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องออกไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2562 ทั้งนี้ ประเทศไทยในฐานะรัฐสมาชิกสหประชาชาติ จึงมีพันธกรณีที่จะต้องดำเนินการตามข้อมติ UNSC ดังกล่าว ซึ่งมีผลผูกพันไทยอย่างครบถ้วน โดยให้เป็นไปตามขอบเขตของกฎหมายภายในของไทยและพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561--