คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2551 เพิ่มเติม จำนวน 20,971.31 ตัน อัตราภาษีในโควตาร้อยละ 5 และให้นำเข้าให้แล้วเสร็จภายใน 31 ธันวาคม 2551
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. ในปี 2550 มีการนำเข้านมผงขาดมันเนยตามจำนวนที่ผูกพันในการเปิดตลาดขององค์การการค้าโลก (WTO) และความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) รวม 57,200 ตัน โดยจัดสรรให้กลุ่มนิติบุคคลผู้ผลิตนมข้น จำนวน 19,283.32 ตัน กลุ่มนิติบุคคลผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมอื่น จำนวน 22,775.49 ตัน และกลุ่มนิติบุคคลผู้ผลิตนมเปรี้ยว จำนวน 15,141.19 ตัน โดยที่ไม่ได้มีการจัดสรรให้กลุ่มผู้ประกอบการที่ผลิตนมพร้อมดื่ม ทั้งนี้ ไม่มีการเปิดโควตาเพิ่มเติมให้แก่ผู้ประกอบการจากข้อผูกพัน
2. การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2551 ได้มีข้อผูกพันการเปิดตลาดตามข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) จำนวน 55,000 ตัน และตามความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) จำนวน 2,200 ตัน รวมทั้งสิ้น 57,200 ตัน โดยคิดอัตราภาษีในโควตาร้อยละ 5 และนอกโควตาร้อยละ 216 (WTO) และร้อยละ 194.4 (TAFTA) โดยที่การจัดสรรโควตาคณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์ได้มีการพิจารณาจัดสรรโควตาดังกล่าวแล้วจำนวน 2 ครั้ง
3. ผู้ประกอบการเสนอความต้องการใช้นมผงขาดมันเนย ปี 2551 เข้ามาจำนวนทั้งสิ้น 78,171.31 ตัน เกินกว่าที่ผูกพันไว้จากข้อตกลงระหว่างประเทศจำนวน 20,971.31 ตัน คณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์เห็นชอบให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบการเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2551 เพิ่มเติม ตามความต้องการของผู้ประกอบการเนื่องจากในปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไม่มีปัญหาในการจำหน่ายน้ำนมดิบ ประกอบกับผู้ประกอบการแปรรูปนมประสบกับภาวะน้ำนมดิบมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ภายในประเทศ โดยที่สหกรณ์โคนมหรือศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบเอกชนหลายแห่งไม่สามารถส่งน้ำนมดิบที่ได้ตกลงซื้อขายกันล่วงหน้า (MOU) ได้ครบตามปริมาณที่ตกลงกัน และสถานการณ์นมผงขาดมันเนยในตลาดโลกขาดแคลนและมีราคาแพง ผู้ประกอบการต้องการเวลาระยะหนึ่งในการดำเนินการจัดซื้อสินค้าล่วงหน้า
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 มกราคม 2551--จบ--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า
1. ในปี 2550 มีการนำเข้านมผงขาดมันเนยตามจำนวนที่ผูกพันในการเปิดตลาดขององค์การการค้าโลก (WTO) และความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) รวม 57,200 ตัน โดยจัดสรรให้กลุ่มนิติบุคคลผู้ผลิตนมข้น จำนวน 19,283.32 ตัน กลุ่มนิติบุคคลผู้ประกอบการแปรรูปอาหารนมอื่น จำนวน 22,775.49 ตัน และกลุ่มนิติบุคคลผู้ผลิตนมเปรี้ยว จำนวน 15,141.19 ตัน โดยที่ไม่ได้มีการจัดสรรให้กลุ่มผู้ประกอบการที่ผลิตนมพร้อมดื่ม ทั้งนี้ ไม่มีการเปิดโควตาเพิ่มเติมให้แก่ผู้ประกอบการจากข้อผูกพัน
2. การเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2551 ได้มีข้อผูกพันการเปิดตลาดตามข้อตกลงขององค์การการค้าโลก (WTO) จำนวน 55,000 ตัน และตามความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) จำนวน 2,200 ตัน รวมทั้งสิ้น 57,200 ตัน โดยคิดอัตราภาษีในโควตาร้อยละ 5 และนอกโควตาร้อยละ 216 (WTO) และร้อยละ 194.4 (TAFTA) โดยที่การจัดสรรโควตาคณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์ได้มีการพิจารณาจัดสรรโควตาดังกล่าวแล้วจำนวน 2 ครั้ง
3. ผู้ประกอบการเสนอความต้องการใช้นมผงขาดมันเนย ปี 2551 เข้ามาจำนวนทั้งสิ้น 78,171.31 ตัน เกินกว่าที่ผูกพันไว้จากข้อตกลงระหว่างประเทศจำนวน 20,971.31 ตัน คณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์เห็นชอบให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบการเปิดตลาดนำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2551 เพิ่มเติม ตามความต้องการของผู้ประกอบการเนื่องจากในปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไม่มีปัญหาในการจำหน่ายน้ำนมดิบ ประกอบกับผู้ประกอบการแปรรูปนมประสบกับภาวะน้ำนมดิบมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ภายในประเทศ โดยที่สหกรณ์โคนมหรือศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบเอกชนหลายแห่งไม่สามารถส่งน้ำนมดิบที่ได้ตกลงซื้อขายกันล่วงหน้า (MOU) ได้ครบตามปริมาณที่ตกลงกัน และสถานการณ์นมผงขาดมันเนยในตลาดโลกขาดแคลนและมีราคาแพง ผู้ประกอบการต้องการเวลาระยะหนึ่งในการดำเนินการจัดซื้อสินค้าล่วงหน้า
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 มกราคม 2551--จบ--