คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามผู้ใช้เครื่องชั่งเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในการซื้อสินค้าเกษตร ในฤดูกาลรับจำนำและซื้อขายสินค้าเกษตร ปี 2547/2548 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
ตามที่ได้มีผู้ร้องเรียนและพบว่ามีเจ้าของโรงสี และสถานรับซื้อพืชไร่บางแห่งใช้เครื่องชั่งโกงน้ำหนักเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในการรับซื้อหรือรับจำนำสินค้าเกษตรจากเกษตรกร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามตรวจสอบเพื่อ ป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอดนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานสรุปผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามโรงสี และสถานรับซื้อพืชไร่ที่ใช้เครื่องชั่งโกงน้ำหนัก เอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในช่วงเดือนตุลาคม 2547 — มกราคม 2548 ดังนี้
1. การตรวจสอบเครื่องชั่งของโรงสี และสถานรับซื้อพืชไร่
1.1 เข้มงวดการตรวจสอบการใช้เครื่องชั่ง โดยเฉพาะเครื่องชั่งรถยนต์ที่ใช้ซื้อขายสินค้าเกษตร โดยเพิ่มความถี่ในการออกตรวจสอบ หากพบผิด จะดำเนินคดีกับผู้ทำความผิดทันที และให้จัดทำข้อมูลประวัติการกระทำผิดของผู้ประกอบการที่ถูกตักเตือน หรือผูกบัตรห้ามใช้มาแล้ว หากตรวจสอบพบว่ายังกระทำผิดในฐานเดิม จะพิจารณาดำเนินคดี ด้วย
1.2 จัดนายตรวจพิเศษออกตรวจสอบการใช้เครื่องชั่งในจังหวัดที่มีการซื้อขายผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผลิตผลการเกษตรออกสู่ตลาด และในการออกตรวจสอบหากเป็นกรณีที่ได้รับการร้องเรียน หรือสงสัยว่ามีการทุจริตจะใช้วิธีล่อขายสินค้าเพื่อตรวจสอบเอาผิด และดำเนินคดีกับผู้ทุจริต
ผลการดำเนินการ ผลการตรวจสอบเครื่องชั่ง ณ โรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ในช่วงเดือนตุลาคม 2547 —มกราคม 2548 ได้ตรวจสอบโรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ จำนวน 3,772 ราย เครื่องชั่งที่ตรวจสอบทั้งหมด 3,982 เครื่อง พบเครื่องผิดโดยสภาพการใช้งานได้ผูกบัตรห้ามใช้ และให้ดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขให้ถูกต้อง จำนวน 321 เครื่อง พบเครื่องผิดโดยผู้ใช้เครื่องชั่งใช้เครื่องชั่งไม่ถูกต้อง 1 เครื่อง ได้ดำเนินคดีกับเจ้าของผู้ใช้เครื่องชั่ง 1 ราย (ปรับ 10,000 บาท) เปรียบเทียบกับผลการดำเนินการในช่วงเวลาเดียวกันกับของปีที่แล้วคือเดือนตุลาคม 2546 — มกราคม 2547 ได้ตรวจสอบเครื่องชั่ง ณ โรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ จำนวน 3,677 ราย พบเครื่องผิดโดยสภาพการใช้งาน ได้ผูกบัตรห้ามใช้และให้ดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขให้ถูกต้อง จำนวน 440 เครื่อง พบเครื่องผิดโดยผู้ใช้เครื่องชั่ง ใช้เครื่องชั่งไม่ถูกต้อง จำนวน 11 เครื่อง ได้ดำเนินคดีกับผู้ใช้เครื่องชั่ง 11 ราย และตลอดปีงบประมาณ 2547 (ตุลาคม 2546 — กันยายน 2547) ได้ตรวจสอบเครื่องชั่ง ณ โรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ จำนวน 8,743 ราย เครื่องชั่งที่ตรวจสอบ 15,783 เครื่อง พบเครื่องชั่งผิดโดยสภาพการใช้งานได้ผูกบัตรห้ามใช้ และให้ดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขให้ถูกต้อง 765 เครื่อง พบเครื่องชั่งผิดโดยผู้ใช้เครื่องชั่ง ใช้เครื่องชั่งไม่ถูกต้อง จำนวน 17 เครื่อง ดำเนินคดีกับผู้ใช้เครื่องชั่ง 17 ราย (ปรับ 5,000 บาท 2 ราย , ปรับ 100,000 บาท 13 ราย ปรับ 3,000 บาท และจำคุก 2 เดือน โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี 2 ราย) นอกจากนั้น จำนวนผู้ร้องเรียนเรื่องการใช้เครื่องชั่งของโรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่เอารัดเอาเปรียบเกษตรกรได้ลดลงด้วย ในปีงบประมาณ 2547 มีผู้ร้องเรียนทังหมด 16 ราย โดยในช่วงเดือนตุลาคม 2546 — มกราคม 2547 มีผู้ร้องเรียน 5 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนตุลาคม 2547 — มกราคม 2548 มีผู้ร้องเรียนเพียง 1 ราย การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจผลิต นำเข้า ซ่อม และขายเครื่องชั่งแบบดิจิทัลที่ใช้ชั่งสินค้าเกษตร นอกจากการตรวจสอบตาม 1 กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ส่วนประกอบของเครื่องชั่งที่เป็นส่วนชั่งน้ำหนักเป็นเครื่องชั่ง ซึ่งประกาศกระทรวงฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับวันที่ 26 เมษายน 2548 ประกาศฉบับนี้จะมีผลให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ซ่อม และผู้ขายส่วนประกอบของเครื่องชั่ง ที่เป็นส่วนชั่งน้ำหนัก รวมทั้งส่วนแสดงค่าของเครื่องชั่งที่เป็นแบบดิจิทัลของเครื่องชั่งพิกัดกำลังตั้งแต่ 20 เมตริกตันขึ้นไป ต้องจดทะเบียนกับกรมการค้าภายใน และต้องนำส่วนประกอบดังกล่าวมาให้กรมการค้าภายในตรวสอบก่อนนำไปประกอบเข้ากับเครื่องชั่งทั้งนี้เพื่อป้องกันการ แก้ไขดัดแปลงเครื่องชั่ง โดยการเขียนโปรแกรม หรือดัดแปลงแก้ไขวงจรอีเลคโทรนิคให้เครื่องชั่งอ่านน้ำหนักผิดไป เพื่อเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร ซึ่งการโกงน้ำหนักของเครื่องชั่งตามโรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ในปัจจุบัน เกิดจากการใช้เครื่องชั่งแบบ ดิจิทัล โดยการแก้ไขดัดแปลงวงจรภายในดังกล่าว คาดว่าเมื่อประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้วจะช่วยให้การป้องกันการทุจริตอันเนื่องจากการใช้เครื่องชั่งชั่งซื้อขายสินค้าเกษตรเพื่อเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--
ตามที่ได้มีผู้ร้องเรียนและพบว่ามีเจ้าของโรงสี และสถานรับซื้อพืชไร่บางแห่งใช้เครื่องชั่งโกงน้ำหนักเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในการรับซื้อหรือรับจำนำสินค้าเกษตรจากเกษตรกร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามตรวจสอบเพื่อ ป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดในเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอดนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานสรุปผลการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามโรงสี และสถานรับซื้อพืชไร่ที่ใช้เครื่องชั่งโกงน้ำหนัก เอารัดเอาเปรียบเกษตรกรในช่วงเดือนตุลาคม 2547 — มกราคม 2548 ดังนี้
1. การตรวจสอบเครื่องชั่งของโรงสี และสถานรับซื้อพืชไร่
1.1 เข้มงวดการตรวจสอบการใช้เครื่องชั่ง โดยเฉพาะเครื่องชั่งรถยนต์ที่ใช้ซื้อขายสินค้าเกษตร โดยเพิ่มความถี่ในการออกตรวจสอบ หากพบผิด จะดำเนินคดีกับผู้ทำความผิดทันที และให้จัดทำข้อมูลประวัติการกระทำผิดของผู้ประกอบการที่ถูกตักเตือน หรือผูกบัตรห้ามใช้มาแล้ว หากตรวจสอบพบว่ายังกระทำผิดในฐานเดิม จะพิจารณาดำเนินคดี ด้วย
1.2 จัดนายตรวจพิเศษออกตรวจสอบการใช้เครื่องชั่งในจังหวัดที่มีการซื้อขายผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผลิตผลการเกษตรออกสู่ตลาด และในการออกตรวจสอบหากเป็นกรณีที่ได้รับการร้องเรียน หรือสงสัยว่ามีการทุจริตจะใช้วิธีล่อขายสินค้าเพื่อตรวจสอบเอาผิด และดำเนินคดีกับผู้ทุจริต
ผลการดำเนินการ ผลการตรวจสอบเครื่องชั่ง ณ โรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ในช่วงเดือนตุลาคม 2547 —มกราคม 2548 ได้ตรวจสอบโรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ จำนวน 3,772 ราย เครื่องชั่งที่ตรวจสอบทั้งหมด 3,982 เครื่อง พบเครื่องผิดโดยสภาพการใช้งานได้ผูกบัตรห้ามใช้ และให้ดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขให้ถูกต้อง จำนวน 321 เครื่อง พบเครื่องผิดโดยผู้ใช้เครื่องชั่งใช้เครื่องชั่งไม่ถูกต้อง 1 เครื่อง ได้ดำเนินคดีกับเจ้าของผู้ใช้เครื่องชั่ง 1 ราย (ปรับ 10,000 บาท) เปรียบเทียบกับผลการดำเนินการในช่วงเวลาเดียวกันกับของปีที่แล้วคือเดือนตุลาคม 2546 — มกราคม 2547 ได้ตรวจสอบเครื่องชั่ง ณ โรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ จำนวน 3,677 ราย พบเครื่องผิดโดยสภาพการใช้งาน ได้ผูกบัตรห้ามใช้และให้ดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขให้ถูกต้อง จำนวน 440 เครื่อง พบเครื่องผิดโดยผู้ใช้เครื่องชั่ง ใช้เครื่องชั่งไม่ถูกต้อง จำนวน 11 เครื่อง ได้ดำเนินคดีกับผู้ใช้เครื่องชั่ง 11 ราย และตลอดปีงบประมาณ 2547 (ตุลาคม 2546 — กันยายน 2547) ได้ตรวจสอบเครื่องชั่ง ณ โรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ จำนวน 8,743 ราย เครื่องชั่งที่ตรวจสอบ 15,783 เครื่อง พบเครื่องชั่งผิดโดยสภาพการใช้งานได้ผูกบัตรห้ามใช้ และให้ดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขให้ถูกต้อง 765 เครื่อง พบเครื่องชั่งผิดโดยผู้ใช้เครื่องชั่ง ใช้เครื่องชั่งไม่ถูกต้อง จำนวน 17 เครื่อง ดำเนินคดีกับผู้ใช้เครื่องชั่ง 17 ราย (ปรับ 5,000 บาท 2 ราย , ปรับ 100,000 บาท 13 ราย ปรับ 3,000 บาท และจำคุก 2 เดือน โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี 2 ราย) นอกจากนั้น จำนวนผู้ร้องเรียนเรื่องการใช้เครื่องชั่งของโรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่เอารัดเอาเปรียบเกษตรกรได้ลดลงด้วย ในปีงบประมาณ 2547 มีผู้ร้องเรียนทังหมด 16 ราย โดยในช่วงเดือนตุลาคม 2546 — มกราคม 2547 มีผู้ร้องเรียน 5 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนตุลาคม 2547 — มกราคม 2548 มีผู้ร้องเรียนเพียง 1 ราย การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจผลิต นำเข้า ซ่อม และขายเครื่องชั่งแบบดิจิทัลที่ใช้ชั่งสินค้าเกษตร นอกจากการตรวจสอบตาม 1 กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ส่วนประกอบของเครื่องชั่งที่เป็นส่วนชั่งน้ำหนักเป็นเครื่องชั่ง ซึ่งประกาศกระทรวงฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับวันที่ 26 เมษายน 2548 ประกาศฉบับนี้จะมีผลให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ซ่อม และผู้ขายส่วนประกอบของเครื่องชั่ง ที่เป็นส่วนชั่งน้ำหนัก รวมทั้งส่วนแสดงค่าของเครื่องชั่งที่เป็นแบบดิจิทัลของเครื่องชั่งพิกัดกำลังตั้งแต่ 20 เมตริกตันขึ้นไป ต้องจดทะเบียนกับกรมการค้าภายใน และต้องนำส่วนประกอบดังกล่าวมาให้กรมการค้าภายในตรวสอบก่อนนำไปประกอบเข้ากับเครื่องชั่งทั้งนี้เพื่อป้องกันการ แก้ไขดัดแปลงเครื่องชั่ง โดยการเขียนโปรแกรม หรือดัดแปลงแก้ไขวงจรอีเลคโทรนิคให้เครื่องชั่งอ่านน้ำหนักผิดไป เพื่อเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร ซึ่งการโกงน้ำหนักของเครื่องชั่งตามโรงสีและสถานรับซื้อพืชไร่ในปัจจุบัน เกิดจากการใช้เครื่องชั่งแบบ ดิจิทัล โดยการแก้ไขดัดแปลงวงจรภายในดังกล่าว คาดว่าเมื่อประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้วจะช่วยให้การป้องกันการทุจริตอันเนื่องจากการใช้เครื่องชั่งชั่งซื้อขายสินค้าเกษตรเพื่อเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--