1. เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2562 ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริการจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ภายใต้วงเงินงบประมาณ จำนวน 121.80 ล้านบาท
2. เห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทดรองจ่ายเงินอุดหนุน ค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาล จำนวน 121.80 ล้านบาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราเฉลี่ยดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) บวกร้อยละ 1 ต่อปีในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส.
3. มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีการผลิต 2562 ให้ได้ตามเป้าหมายและตามกำหนดเวลาการเอาประกันภัยของเกษตรกรทั้งในส่วนที่ 1 (Tier 1) และส่วนที่ 2 (Tier 2) พร้อมทั้งให้ ธ.ก.ส. บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัยและร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย (สมาคมฯ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย
4. มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ประสานงานกับ ธ.ก.ส. และสมาคมฯ ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกรแบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ 02) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกร (แบบ กษ 02 เพื่อการประกันภัย) ตลอดจนดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ เพื่อรองรับการเพิ่มพื้นที่เป้าหมาย และรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 โดยแยกประเภทพืชต่าง ๆ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการดำเนินการในเบื้องต้นแล้ว
5. มอบหมายให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกรุงเทพมหานคร ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (คณะกรรมการฯ) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 เช่นเดียวกับการดำเนินการของโครงการประกันภัยข้าวนาปีและให้คณะกรรมการดังกล่าวดำเนินการรับรองความเสียหายของเกษตรกรในกลุ่มข้างต้น และจัดส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. และสมาคมฯ เพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป
6. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต 2562 รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต 2562 ได้ทันทีภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการฯ ปีการผลิต 2562 และดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต 2562 ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
7. มอบหมายให้สมาคมฯ ประสานงานกับ ธ.ก.ส. กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมส่งเสริมการเกษตร กษ. พัฒนาระบบการประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตลอดจนดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต 2562 เพื่อให้เกษตรกรผู้เอาประกันภัยได้รับประโยชน์สูงสุด
สาระสำคัญของเรื่อง
1. กค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กษ. (กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์) มท. (กรมการปกครองและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) สำนักงาน คปภ. ธ.ก.ส. และสมาคมฯ ได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (โครงการฯ) ปีการผลิต 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย และเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือของภาครัฐตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561
2. เนื่องจากการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต 2562 จำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับฤดูกาลเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูฝน) ในปีการผลิต 2562 ของเกษตรกรจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2562 เป็นต้นไป และเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ที่ต้องการให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ อย่างทั่วถึงและได้รับความคุ้มครองตลอดระยะเวลาการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้งฤดูการผลิต (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูฝนและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้ง) เพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ และความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่ยังคงมีความถี่และความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความเสียหายดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องกับจำนวนเงินทุนของเกษตรกรที่มีไม่มีเพียงพอสำหรับใช้เพาะปลูกในปีการผลิตถัดไป กค. จึงได้นำเสนอแนวทางการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต 2562 เสนอต่อ นบขพ. พิจารณาในการประชุม ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2562 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต 2562 ตามที่ กค. เสนอ โดยรายละเอียดของโครงการฯ ปีการผลิต 2562 สรุปได้ดังนี้
หัวข้อ / รายละเอียด
1. วัตถุประสงค์ ?
เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย และเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือของภาครัฐตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 เพื่อรองรับต้นทุนในการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรเมื่อประสบเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ
(Tier 1)
พื้นที่รวมไม่เกิน 3 ล้านไร่ แบ่งเป็น
(1) กลุ่มเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ไม่เกิน 2.8 ล้านไร่
(2) เกลุ่มเกษตรกรทั่วไป ไม่เกิน 2 แสนไร่
การรับประกันภัยร่วมจ่ายโดยสมัครใจ (Tier 2)
พื้นที่ไม่เกิน 3 แสนไร่
Tier 1
อัตราเท่ากันทุกพื้นที่
59 บาท/ไร่ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์)
รัฐบาลอุดหนุน 35.40 บาท และ ธ.ก.ส. อุดหนุน 23.60 บาท
64.20 บาท/ไร่
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์)
(1) กลุ่มลูกค้า ธ.ก.ส. รัฐบาลอุดหนุน 40.60 บาท ธ.ก.ส. อุดหนุน 23.60 บาท
(2) กลุ่มเกษตรกรทั่วไป รัฐบาลอุดหนุน 40.60 บาท เกษตรกรจ่ายเอง 23.60 บาท
Tier 2
กลุ่ม (1) และ (2) รับภาระเองโดยจ่ายเพิ่มจาก Tier 1 ในอัตราที่แตกต่างกันตามความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่
ความเสี่ยงต่ำ 4.28 บาท/ไร่
ความเสี่ยงปานกลาง 11.77 บาท/ไร่
ความเสี่ยงสูง 25.68 บาท/ไร่
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์)
(1) สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รอบที่ 1 (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูฝน) นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบโครงการฯ – วันที่ 31 พฤษภาคม 2562
(2) สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รอบที่ 2 (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้ง) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 15 มกราคม 2563
พื้นที่/ภัยธรรมชาติ 7 ภัย (น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาว หรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยช้างป่า) / ภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด
Tier1 1,500 บาท/ไร่ 750 บาท/ไร่
Tier 2 240 บาท/ไร่ 120 บาท/ไร่
รวมไม่เกิน 1,740 บาท/ไร่ 870 บาท/ไร่
ภายในวงเงิน 121.80 ล้านบาท (คิดจากพื้นที่เป้าหมาย 3 ล้านไร่) โดยให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาล และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราเฉลี่ยดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 6 เดือนประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (Fixed Deposit Rate : FDR) บวกร้อยละ 1 ต่อปี ในปีงบประมาณถัดไป
จ่ายตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 และจ่ายเพิ่มเติมกรณีที่เสียหายจริงแต่ไม่อยู่ในเขตประกาศภัยตามที่ราชการกำหนด โดยวิธีการประเมินรายบุคคล
(1) เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. (กลุ่ม Tier 1) ซึ่งได้รับการอนุมัติสินเชื่อทั้งหมดในการเพาะปลูกเริ่มตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการ ฯ ทั้งนี้ หากประสงค์เอาประกันภัยเพิ่มในกลุ่ม Tier 2 จะเริ่มตั้งแต่วันที่เกษตรกรขอเอาประกันภัย
(2) เกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ซึ่งได้รับการอนุมัติสินเชื่อบางส่วนและประสงค์จะเอาประกันภัยเพิ่มเติม โดยรับภาระค่าเบี้ยประกันเองทั้งในกลุ่ม Tier 1 และ Tier 2 เริ่มตั้งแต่วันที่เกษตรกรขอเอาประกันภัย
(3) กลุ่มเกษตรกรทั่วไป เริ่มตั้งแต่วันที่เกษตรกรขอเอาประกันภัย
ผู้เอาประกันภัย คือ เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ทบก.) กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ ในปีการผลิต 2562/63
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562--