คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อปราบปรามการก่อการร้ายทางนิวเคลียร์ (International Convention for the Suppression of Acts of Nuclear Terrorism) โดยไม่รับกระบวนการระงับข้อพิพาทโดยวิธีอนุญาโตตุลาการและการเสนอเรื่องสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เป็นผู้ดำเนินการตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องในการให้สัตยาบันอนุสัญญาฯ และมอบหมายให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เป็นหน่วยประสานงานหลักระดับชาติในการดำเนินการตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ภายหลังจากที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ แล้ว ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสนอ
สาระสำคัญของอนุสัญญาฯ เป็นการกำหนดพันธกรณีที่รัฐภาคีจะต้องดำเนินการตามหลักการของกฎบัตร UN เกี่ยวกับการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ การส่งเสริมความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือระหว่างรัฐ ซึ่งครอบคลุมถึงประเด็นต่าง ๆ เช่น การระบุเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน โดยใช้วัสดุกัมมันตรังสีหรือวัสดุนิวเคลียร์ และการก่อวินาศกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และโรงงานหรือยานพาหนะที่มีวัสดุกัมมันตรังสีหรือวัสดุนิวเคลียร์ เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 มีนาคม 2562--