คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขร่างมาตรา 6 (3) เป็น “ให้องค์การสวนสัตว์กู้ยืมเงิน ซึ่งถ้าเป็นจำนวนเงินเกินกว่า 50 ล้านบาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน” ตามมติที่ประชุมที่มีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
1. กำหนดให้จัดตั้งองค์การสวนสัตว์ เรียกโดยย่อว่า “อสส.” มีวัตถุประสงค์ในการจัดดำเนินการ ส่งเสริม รวบรวมสัตว์นานาชนิดไว้ เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์ การศึกษา การวิจัย และอำนวยบริการแก่ประชาชนในระดับมาตรฐานสากล มีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์ และสามารถกู้ยืมเงิน ซึ่งถ้าเป็นจำนวนเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน (ตามมติสรุปผลการประชุมของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุฯ) เห็นว่า ควรให้แก้ไขเป็น “ให้ อสส. กู้ยืมเงิน ซึ่งถ้าเป็นจำนวนเงินเกินกว่า 50 ล้านบาท ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน”)
2. กำหนดให้ อสส. มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานครหรือจังหวัดอื่นตามความเหมาะสมและจะตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่ใดในราชอาณาจักรก็ได้ และใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า “THE ZOOLOGICAL PARK ORGANIZATION” เรียกโดยย่อว่า “ZPO” และจะให้มีตราเครื่องหมายของ อสส. ตามที่คณะกรรมการกำหนดก็ได้
3. กำหนดให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ ประกอบด้วยประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่า 6 คน แต่ไม่เกิน 10 คน เป็นผู้บริหารกิจการองค์การและให้ผู้อำนวยการเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
4. กำหนดให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดเงินผลประโยชน์ตอบแทนสำหรับประธานกรรมการ กรรมการ และผู้อำนวยการ โดยประธานกรรมการ กรรมการ ผู้อำนวยการและพนักงาน อาจได้รับเงินบำเหน็จ หรือเงินรางวัลตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
5. กำหนดให้รายได้ที่ได้รับในปีหนึ่ง ๆ ให้นำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เงินลงทุนหรือเงินร่วมทุนเพื่อกิจการของ อสส. และเงินสมทบกองทุนสำหรับจ่ายสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติงานในองค์การ เงินบำเหน็จและรางวัล ในกรณีมีกำไรเบื้องต้น แก่กรรมการและพนักงาน เงินสะสมไว้เป็นเงินสำรอง ตลอดจนเงินทุนตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ แต่ถ้ารายได้มีจำนวนไม่พอสำหรับรายจ่ายและ อสส. ไม่สามารถหาเงินจากทางอื่นได้ รัฐบาลพึงจ่ายเงินให้แก่ อสส. เท่าจำนวนที่จำเป็น (ในประเด็นนี้กระทรวงการคลัง (กค.) ชี้แจงว่า รายได้ที่ อสส. ได้รับจากการดำเนินกิจการให้ตกเป็นของ อสส. สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้น เป็นหลักการเดียวกันกับพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. 2497 จึงเห็นชอบด้วย)
6. กำหนดให้พนักงานและลูกจ้างของ อสส. ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. 2497 ที่มีอยู่ก่อนวันที่จะมีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ขึ้นใหม่ ให้ผู้นั้นเป็นพนักงานและลูกจ้างขององค์การต่อไป และผู้ใดดำรงตำแหน่งขั้น หรือระดับใดตามที่ระบุไว้ก่อนวันที่จะมีการประกาศใช้ พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ขึ้นใหม่ ให้ผู้นั้นดำรงตำแหน่ง ขั้น หรือระดับนั้นต่อไป
7. กำหนดให้ถ่ายโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานพัฒนา พิงคนคร (องค์การมหาชน) (สพค.) ในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นของ อสส. ทส.
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 เมษายน 2562--