คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสถานภาพงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2548 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และเห็นชอบข้อเสนอ "แนวทางการดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2548" โดยให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติต่อไป ดังต่อไปนี้ คือ
1. สถานภาพงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2548 สรุปได้ ดังนี้
1.1 งบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 1,200,000 ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว 1,152,358.27 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 96.03 ของงบประมาณทั้งสิ้น
1.2 งบประมาณที่ยังไม่ได้จัดสรร จำนวน 47,641.73 ล้านบาท ประกอบด้วย
- รายจ่ายประจำ จำนวน 4,055.49 ล้านบาท
- รายจ่ายลงทุน จำนวน 43,586.24 ล้านบาท ประกอบด้วย
- งบประมาณส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 4,305.13 ล้านบาท
- งบกลาง จำนวน 39,202.31 ล้านบาท
- กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน 78.80 ล้านบาท
1.3 งบประมาณที่จัดสรรแล้ว มีการเบิกจ่าย จำนวน 781,894.98 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 67.85 ของงบประมาณที่จัดสรรแล้ว ประกอบด้วย
- รายจ่ายประจำ จำนวน 640,451.00 ล้านบาท
- รายจ่ายลงทุน จำนวน 141,443.98 ล้านบาท
1.4 งบประมาณที่จัดสรรแล้ว แต่ยังไม่มีการเบิกจ่าย จำนวน 370,463.29 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32.15 ของเงินงบประมาณที่จัดสรรแล้ว ประกอบด้วย
- รายจ่ายประจำ จำนวน 257,358.11 ล้านบาท เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับภารกิจประจำตามกำหนดเวลา
- รายจ่ายลงทุน จำนวน 113,105.18 ล้านบาท ประกอบด้วย
- รายจ่ายลงทุนที่ลงนามสัญญา ต้องรอการเบิกจ่ายตามงวดงานในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง
- รายจ่ายลงทุนที่ยังไม่ลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง และเป็นงานที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการเอง แต่ยังไม่ดำเนินงาน และ/หรือ ยังดำเนินงานไม่แล้วเสร็จ ซึ่งมีสาเหตุสำคัญ 2 กรณี คือ
กรณีงานจ้างเหมา มีสาเหตุจากความไม่พร้อม และ/หรือ อยู่ระหว่างขั้นตอนการประกวดราคา และ/หรือ การที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่รายงานการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างเข้าระบบข้อมูล GFMIS
กรณีงานดำเนินการเอง มีสาเหตุจากการที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถเร่งรัดการดำเนินงาน และ/หรือ ยังไม่ถึงกำหนดเวลาตามที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จึงยังไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ
2. แนวทางการดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2548 เห็นสมควรให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการ ดังนี้
2.1 กรณีที่ไม่สามารถทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (วันที่ 30 มิถุนายน 2548) ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานและโอน และ/หรือ เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ ทั้งที่ได้รับและยังไม่ได้รับการจัดสรรไปใช้จ่าย สำหรับรายการ/โครงการ ตามนโยบายสำคัญ เร่งด่วนของรัฐบาล ที่สามารถดำเนินการได้เร็วกว่าแผนที่กำหนด โดยดำเนินการได้เองในอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณแล้วแต่กรณี
2.2 กรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ไม่มีรายการ/โครงการ ที่จะดำเนินการ ตามข้อ 2.1 ให้ดำเนินการโอน และ/หรือ เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไปใช้จ่ายสำหรับรายการต่าง ๆ ดังนี้
(1) รายการเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้าง 6 (ค่า K)
(2) ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ
(3) ค่าใช้จ่ายในการปรับเพิ่มเงินเดือนและค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ แต่ไม่เพียงพอในการใช้จ่าย
2.3 กรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ไม่มีรายการ/โครงการ ตามข้อ 2.1 และ 2.2 แต่มีความประสงค์ที่จะดำเนินงานสำหรับงานหรือโครงการใหม่ นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ตามรายการในเอกสารประกอบพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่สามารถสนองต่อเป้าหมายการให้บริการของหน่วยงาน และ/หรือ ยุทธศาสตร์กระทรวงตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และมีความพร้อมที่จะดำเนินงานได้ทันที ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการของบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแจ้งผลการพิจารณาต่อสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณต่อไป
2.4 ให้สำนักงบประมาณประสานงานเพื่อเร่งรัดให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการตามข้อ 2.1 2.2 และข้อ 2.3 ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2548
2.5 หากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถดำเนินการตามนัยที่กล่าวข้างต้นได้ให้รายงานรองนายกรัฐมนตรี และ/หรือ รัฐมนตรีทราบ และรายงานคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2548
ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) ปรับลดการจัดสรรเงินงบประมาณคืน และให้ข้อเสนอแนะเพื่อไปตั้งจ่ายในงาน/โครงการ รายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอื่นตามนโยบายของรัฐบาล และ/หรือ อาจระงับการจัดสรรงบประมาณในส่วนที่เหลือได้ ตามความเหมาะสม
(2) จัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินงานตามแนวทางการดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณที่กล่าวข้างต้น สถานภาพการใช้จ่ายงบประมาณ และประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคของส่วนราชการและรัฐวิสากิจ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 มิถุนายน 2548--จบ--
1. สถานภาพงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2548 สรุปได้ ดังนี้
1.1 งบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 1,200,000 ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว 1,152,358.27 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 96.03 ของงบประมาณทั้งสิ้น
1.2 งบประมาณที่ยังไม่ได้จัดสรร จำนวน 47,641.73 ล้านบาท ประกอบด้วย
- รายจ่ายประจำ จำนวน 4,055.49 ล้านบาท
- รายจ่ายลงทุน จำนวน 43,586.24 ล้านบาท ประกอบด้วย
- งบประมาณส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ จำนวน 4,305.13 ล้านบาท
- งบกลาง จำนวน 39,202.31 ล้านบาท
- กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน 78.80 ล้านบาท
1.3 งบประมาณที่จัดสรรแล้ว มีการเบิกจ่าย จำนวน 781,894.98 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 67.85 ของงบประมาณที่จัดสรรแล้ว ประกอบด้วย
- รายจ่ายประจำ จำนวน 640,451.00 ล้านบาท
- รายจ่ายลงทุน จำนวน 141,443.98 ล้านบาท
1.4 งบประมาณที่จัดสรรแล้ว แต่ยังไม่มีการเบิกจ่าย จำนวน 370,463.29 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32.15 ของเงินงบประมาณที่จัดสรรแล้ว ประกอบด้วย
- รายจ่ายประจำ จำนวน 257,358.11 ล้านบาท เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับภารกิจประจำตามกำหนดเวลา
- รายจ่ายลงทุน จำนวน 113,105.18 ล้านบาท ประกอบด้วย
- รายจ่ายลงทุนที่ลงนามสัญญา ต้องรอการเบิกจ่ายตามงวดงานในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง
- รายจ่ายลงทุนที่ยังไม่ลงนามสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง และเป็นงานที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการเอง แต่ยังไม่ดำเนินงาน และ/หรือ ยังดำเนินงานไม่แล้วเสร็จ ซึ่งมีสาเหตุสำคัญ 2 กรณี คือ
กรณีงานจ้างเหมา มีสาเหตุจากความไม่พร้อม และ/หรือ อยู่ระหว่างขั้นตอนการประกวดราคา และ/หรือ การที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่รายงานการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างเข้าระบบข้อมูล GFMIS
กรณีงานดำเนินการเอง มีสาเหตุจากการที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถเร่งรัดการดำเนินงาน และ/หรือ ยังไม่ถึงกำหนดเวลาตามที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จึงยังไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ
2. แนวทางการดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2548 เห็นสมควรให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการ ดังนี้
2.1 กรณีที่ไม่สามารถทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (วันที่ 30 มิถุนายน 2548) ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานและโอน และ/หรือ เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ ทั้งที่ได้รับและยังไม่ได้รับการจัดสรรไปใช้จ่าย สำหรับรายการ/โครงการ ตามนโยบายสำคัญ เร่งด่วนของรัฐบาล ที่สามารถดำเนินการได้เร็วกว่าแผนที่กำหนด โดยดำเนินการได้เองในอำนาจของหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณแล้วแต่กรณี
2.2 กรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ไม่มีรายการ/โครงการ ที่จะดำเนินการ ตามข้อ 2.1 ให้ดำเนินการโอน และ/หรือ เปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไปใช้จ่ายสำหรับรายการต่าง ๆ ดังนี้
(1) รายการเงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้าง 6 (ค่า K)
(2) ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ
(3) ค่าใช้จ่ายในการปรับเพิ่มเงินเดือนและค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ แต่ไม่เพียงพอในการใช้จ่าย
2.3 กรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ไม่มีรายการ/โครงการ ตามข้อ 2.1 และ 2.2 แต่มีความประสงค์ที่จะดำเนินงานสำหรับงานหรือโครงการใหม่ นอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ตามรายการในเอกสารประกอบพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่สามารถสนองต่อเป้าหมายการให้บริการของหน่วยงาน และ/หรือ ยุทธศาสตร์กระทรวงตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และมีความพร้อมที่จะดำเนินงานได้ทันที ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการของบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แล้วแจ้งผลการพิจารณาต่อสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณต่อไป
2.4 ให้สำนักงบประมาณประสานงานเพื่อเร่งรัดให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการตามข้อ 2.1 2.2 และข้อ 2.3 ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2548
2.5 หากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถดำเนินการตามนัยที่กล่าวข้างต้นได้ให้รายงานรองนายกรัฐมนตรี และ/หรือ รัฐมนตรีทราบ และรายงานคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2548
ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) ปรับลดการจัดสรรเงินงบประมาณคืน และให้ข้อเสนอแนะเพื่อไปตั้งจ่ายในงาน/โครงการ รายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอื่นตามนโยบายของรัฐบาล และ/หรือ อาจระงับการจัดสรรงบประมาณในส่วนที่เหลือได้ ตามความเหมาะสม
(2) จัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินงานตามแนวทางการดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณที่กล่าวข้างต้น สถานภาพการใช้จ่ายงบประมาณ และประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งปัญหาอุปสรรคของส่วนราชการและรัฐวิสากิจ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 มิถุนายน 2548--จบ--