คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ [เป็นการรวบรวมและปรับปรุงจากมติคณะรัฐมนตรี (28 ธันวาคม 2547) เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นและมติคณะรัฐมนตรี (18 กรกฎาคม 2549) เกี่ยวกับการขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบกลาง ซึ่งสำนักงบประมาณพิจารณาและเห็นชอบด้วยแล้ว
] และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ดังนี้
1. กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ดังนี้
1.1 กรณีที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจใดมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วไม่เพียงพอ ให้พิจารณาตรวจสอบและปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้และมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้เสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการแล้ว โดยให้พิจารณาเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการเท่านั้น หากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจำนวนมากหรือไม่เร่งด่วนให้พิจารณาเสนอขอ ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีโดยเตรียมการล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ หรือเสนอขอแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่สามารถเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทันเวลา ทั้งนี้ ในการนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ยืนยันผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ชัดเจนในหนังสือเสนอเรื่องด้วย
1.2 การขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเจ้าของเรื่องทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ โดยกำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาอนุมัติภายในวงเงิน 10 ล้านบาท กรณีที่มีวงเงินเกิน 10 ล้านบาท ให้สำนักงบประมาณพิจารณานำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน โดยหากนายกรัฐมนตรีเห็นสมควรจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการก่อนก็ได้ สำหรับกรณี ที่มีวงเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท ควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการก่อน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดให้ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ
1.3 องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญหรือหน่วยงานที่ไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชาของฝ่ายบริหาร เช่น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานศาลยุติธรรม ฯลฯ ที่มีความจำเป็นต้องใช้งบกลางฯ ในวงเงินเกินกว่า 10 ล้านบาท สำหรับงานหรือโครงการ แผนงานใด ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการก่อน โดยให้สำนักงบประมาณเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย
2. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้เงินงบกลางจำนวน 2 มติ คือ
2.1 มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
2.2 มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 เรื่อง การขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบกลาง
สาระสำคัญของเรื่อง
เนื่องจากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเป็นเงินงบประมาณที่จัดเตรียมไว้เพื่อดำเนินการในกรณีมีเหตุการณ์เร่งด่วนที่เกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายหรือไม่ทราบล่วงหน้า และรัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ รวมทั้งกรณีที่จำเป็นต้องดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้ (28 ธันวาคม 2547,18 กรกฎาคม 2549) กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ในการขออนุมัติใช้เงินงบกลางฯ และกำหนดกรอบวงเงินในการอนุมัติงบกลางฯ ของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและนายกรัฐมนตรีไว้ด้วย ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเห็นว่าแนวทางดังกล่าวยังสมควรที่จะให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติต่อไป และเพื่อความเหมาะสมและเกิดความคล่องตัวในการนำมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ไปใช้อ้างอิง จึงเห็นควรปรับรวมมติคณะรัฐมนตรีทั้ง 2 มติดังกล่าวเหลือเพียงมติเดียวตามที่เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551--จบ--
] และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติ ดังนี้
1. กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ดังนี้
1.1 กรณีที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจใดมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วไม่เพียงพอ ให้พิจารณาตรวจสอบและปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้และมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้เสนอเรื่องต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการแล้ว โดยให้พิจารณาเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการเท่านั้น หากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจำนวนมากหรือไม่เร่งด่วนให้พิจารณาเสนอขอ ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีโดยเตรียมการล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ หรือเสนอขอแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่สามารถเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทันเวลา ทั้งนี้ ในการนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ยืนยันผลการตรวจสอบดังกล่าวให้ชัดเจนในหนังสือเสนอเรื่องด้วย
1.2 การขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเจ้าของเรื่องทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ โดยกำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาอนุมัติภายในวงเงิน 10 ล้านบาท กรณีที่มีวงเงินเกิน 10 ล้านบาท ให้สำนักงบประมาณพิจารณานำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน โดยหากนายกรัฐมนตรีเห็นสมควรจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการก่อนก็ได้ สำหรับกรณี ที่มีวงเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท ควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหลักการก่อน ทั้งนี้ ไม่รวมถึงกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดให้ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ
1.3 องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญหรือหน่วยงานที่ไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชาของฝ่ายบริหาร เช่น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานศาลยุติธรรม ฯลฯ ที่มีความจำเป็นต้องใช้งบกลางฯ ในวงเงินเกินกว่า 10 ล้านบาท สำหรับงานหรือโครงการ แผนงานใด ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในหลักการก่อน โดยให้สำนักงบประมาณเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย
2. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้เงินงบกลางจำนวน 2 มติ คือ
2.1 มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
2.2 มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 เรื่อง การขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบกลาง
สาระสำคัญของเรื่อง
เนื่องจากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเป็นเงินงบประมาณที่จัดเตรียมไว้เพื่อดำเนินการในกรณีมีเหตุการณ์เร่งด่วนที่เกิดขึ้น โดยไม่คาดหมายหรือไม่ทราบล่วงหน้า และรัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ รวมทั้งกรณีที่จำเป็นต้องดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติไว้ (28 ธันวาคม 2547,18 กรกฎาคม 2549) กำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ในการขออนุมัติใช้เงินงบกลางฯ และกำหนดกรอบวงเงินในการอนุมัติงบกลางฯ ของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและนายกรัฐมนตรีไว้ด้วย ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเห็นว่าแนวทางดังกล่าวยังสมควรที่จะให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจถือปฏิบัติต่อไป และเพื่อความเหมาะสมและเกิดความคล่องตัวในการนำมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ไปใช้อ้างอิง จึงเห็นควรปรับรวมมติคณะรัฐมนตรีทั้ง 2 มติดังกล่าวเหลือเพียงมติเดียวตามที่เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551--จบ--