คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารราชการในต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบ ร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
แก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารราชการในต่างประเทศ พ.ศ. 2552 ดังนี้
1. กำหนดให้ส่วนราชการที่ประสงค์จะจัดตั้งหน่วยงานในต่างประเทศ ทั้งกรณีที่มีผลเป็นการ เพิ่มจำนวนหน่วยงานในต่างประเทศ และกรณีที่มีการยุบเลิกหรือรวมหน่วยงานในต่างประเทศที่มีอยู่เดิมและไม่มีผลเป็นการเพิ่มจำนวนหน่วยงานในต่างประเทศในภาพรวมของส่วนราชการนั้น ให้เป็นไปตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนด ทั้งนี้ ต้องสอดคล้องกับนโยบายการต่างประเทศและไม่กระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ตลอดจนคำนึงถึงภาระด้านงบประมาณ ผลประโยชน์ ความคุ้มค่าของประเทศ และความเหมาะสม
2. กำหนดให้การจัดตั้งหน่วยงานในต่างประเทศ กรณีที่มีผลเป็นการเพิ่มจำนวนหน่วยงานในต่างประเทศนั้น ให้กระทำได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.พ.ร. แล้ว ในการพิจารณาให้ความเห็นชอบดังกล่าว ให้ร่วมพิจารณากับผู้แทนสำนักงาน ก.พ.ร. ผู้แทนสำนักงบประมาณ และผู้แทน กต.
3. กำหนดให้การจัดตั้งหน่วยงานในต่างประเทศ กรณีที่มีการยุบเลิก หรือเป็นผลจากการรวมหน่วยงานในต่างประเทศที่มีอยู่เดิมและไม่มีผลเป็นการเพิ่มจำนวนหน่วยงานในต่างประเทศนั้น ให้ดำเนินการตามหลักการ เงื่อนไข และขั้นตอนที่สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนด โดยเสนอคำขอจัดตั้งหน่วยงานในต่างประเทศดังกล่าว ต่อคณะกรรมการพัฒนาโครงสร้างระบบราชการของกระทรวงนั้น ๆ โดยให้แต่งตั้งปลัดกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นกรรมการเพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่ง และให้ส่วนราชการถามความเห็นของ กต. เพื่อจัดทำความเห็นเป็น ลายลักษณ์อักษร ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาโครงสร้างระบบราชการ ทั้งนี้ การจัดตั้งหน่วยงานในต่างประเทศในกรณีดังกล่าว ให้กระทำได้เมื่อได้รับแจ้งผลการตรวจสอบจากสำนักงาน ก.พ.ร. แล้ว
4. กำหนดให้การสั่งยุบเลิกหน่วยงานในต่างประเทศ ให้ส่วนราชการเจ้าสังกัดแจ้งให้สำนักงาน ก.พ.ร. และ กต. ทราบด้วย
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 ตุลาคม 2562