คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เรื่อง ผลการเข้าร่วมการประชุมผู้นำ G20 ประจำปี 2562 ของนายกรัฐมนตรี ข้อ 2 จากเดิม “ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นในไทย (Thai KOSEN) ให้เหมาะสมและชัดเจนเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สถาบันโคเซ็นดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อว.” เป็น “ให้ อว. รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับ ศธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นในไทยให้เหมาะสม และร่วมสนับสนุนการดำเนินการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นดังกล่าวต่อไป” ตามที่ ศธ. เสนอ
ศธ. ได้จัดทำบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบันทึกความร่วมมือดังกล่าวได้กำหนดความร่วมมือที่สำคัญเกี่ยวกับการก่อตั้งสถาบันการศึกษารูปแบบโคเซ็นประเทศญี่ปุ่นในประเทศไทย (Thai KOSEN) และการสนับสนุนนักเรียนไทยไปศึกษาต่อในสถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น [คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดทำบันทึกความร่วมมือดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561] ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 ให้ อว. รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับ ศธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดตั้ง Thai KOSEN ให้เหมาะสมและชัดเจนเพื่อดำเนินการต่อไป และให้ Thai KOSEN อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อว. แต่เนื่องจากปัจจุบันองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency: JICA) ในฐานะหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ ได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลและประเมินรายละเอียดสินเชื่อ (Loan Appraisal) สำหรับการก่อตั้ง Thai KOSEN และการสนับสนุนนักเรียนไทยไปศึกษาต่อในสถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น เรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาวงเงินกู้เพื่อขอความเห็นชอบจากรัฐบาลญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาเงินกู้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และจะสามารถเริ่มจ่ายเงินกู้ได้ในเดือนเมษายน 2563 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ โดยให้ Thai KOSEN อยู่ภายใต้การกำกับของ อว. JICA จะต้องเริ่มขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลประเมินรายละเอียดสินเชื่อ (Loan Appraisal) สำหรับการดำเนินการดังกล่าวใหม่ (ใช้ระยะเวลาดำเนินการอีกประมาณ 1 ปี) และส่งผลให้การดำเนินการตามขั้นตอนการกู้เงินไม่เป็นไปตามกำหนดการที่วางแผนไว้ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการพิจารณาวงเงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ และมิก่อให้เกิดการติดขัดของการดำเนินการอันจะส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษา และการจัดการเรียนการสอนของนักศึกษาดังกล่าว ศธ. จึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เป็น “ให้ อว. รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับ ศธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นในไทยให้เหมาะสม และร่วมสนับสนุนการดำเนินการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นดังกล่าวต่อไป”
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 พฤศจิกายน 2562