คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ และหนังสือแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือความตกลงฯ และหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และอนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว พร้อมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนามดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
1. การให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการประชุม และการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์โดยปลอดภาษีอากรสำหรับการประชุมตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ ซึ่งประเทศไทยมีพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษในประเทศไทย พ.ศ. 2504 และพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 เป็นกฎหมายอนุวัติการรับรองอยู่แล้ว
2. สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (สธท.) และสำนักงาน UNODC จะเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของร่างความตกลงฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ ได้มีการแบ่ง ความรับผิดชอบในส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว
3. ร่างความตกลงฯ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ฝ่ายไทยมีหนังสือตอบโดยให้ถือว่าการแลกเปลี่ยนหนังสือระหว่างกันเพียงอย่างเดียว ก็มีผลให้เกิดเป็นความตกลงประเทศเจ้าภาพระหว่างรัฐบาลไทยและสำนักงาน UNODC โดยไม่ต้องมีการลงนามในหนังสือสองฝ่าย
4. การให้การสนับสนุนงบประมาณแก่สำนักงาน UNODC สำหรับการจัดกิจกรรมดังกล่าวจำนวนทั้งสิ้น 152,000 เหรียญสหรัฐ (หนึ่งแสนห้าหมื่นสองพันเหรียญสหรัฐ) และงบประมาณการดำเนินการในส่วนอื่น ๆ ที่ สธท. เป็นผู้รับผิดชอบ จะเบิกจ่ายงบประมาณ สธท. ประจำปี พ.ศ. 2562 ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วสำหรับโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การอนุวัติมาตรฐานและบรรทัดฐานของสหประชาชาติด้านการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 11 ธันวาคม 2562