ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การคงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคม)

ข่าวการเมือง Tuesday January 14, 2020 18:10 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การคงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคม) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

กค. เสนอว่า

1. โดยที่มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้อันมิใช่ค่าลงทะเบียนหรือค่าบำรุงที่ได้รับจากสมาชิก หรือเงิน หรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาค หรือจากการให้โดยเสน่หาตามมาตรา 65 ทวิ (13) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ไม่รวมถึงมูลนิธิหรือสมาคมที่เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตาม (จ) ของ (2) แห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 ของประมวลรัษฎากร ต่อมาได้ลดอัตราภาษีสำหรับรายได้ของมูลนิธิหรือสมาคมดังกล่าว เฉพาะส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร จากเดิมในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เหลืออัตราร้อยละ 2 ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 250) พ.ศ. 2535 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2535 เป็นต้นไป

2. ต่อมาได้มีการตราพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 52) พ.ศ. 2562 เพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยมาตรา 11 และมาตรา 12 ได้บัญญัติให้บัญชีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคมอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตาม (จ) ของ (2) แห่งบัญชีอัตราภาษีเงินได้ท้ายหมวด 3 ในลักษณะ 2 ของประมวลรัษฎากร ไปบัญญัติไว้ในมาตรา 67 ทั้งนี้ ตามมาตรา 11 และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงทำให้การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคมตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 250) พ.ศ. 2535 ไม่มีผลใช้บังคับอีกต่อไป และส่งผลให้มูลนิธิหรือสมาคมต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 52) พ.ศ. 2562 ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป ซึ่ง กค. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้มูลนิธิหรือสมาคมเสียภาษีเงินได้ดังกล่าวในอัตราร้อยละ 2 เช่นเดิม อันเป็นมาตรการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2535 จึงได้ยกร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การคงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคม) ขึ้น ทั้งนี้ การลดอัตราภาษีให้แก่มูลนิธิหรือสมาคมดังกล่าวให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป เพื่อให้การลดอัตราภาษีเงินได้ดังกล่าวมีความต่อเนื่องกัน

3. การกำหนดให้มูลนิธิหรือสมาคมยังคงเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 2 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ เป็นมาตรการถาวรที่ต่อเนื่องตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2535 จึงไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของรัฐตามมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานเพื่อการกุศลสาธารณะให้มีความต่อเนื่องเป็นรูปธรรม และเป็นการสนับสนุนให้การช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้พิการ ผู้ถูกทอดทิ้ง ผู้ด้อยโอกาส และผู้ประสบภัยให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพอันจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา

เป็นการกำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของมูลนิธิหรือสมาคมเหลืออัตราร้อยละ 2 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ทั้งนี้ เฉพาะรายได้ส่วนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 มกราคม 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ