คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) รายงานผลการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. 2562 – 2566 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (29 มกราคม 2562) อนุมัติและเห็นชอบการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลกของราชอาณาจักรไทย วาระปี พ.ศ. 2562 – 2566 มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. การคัดเลือกกรรมการมรดกโลกจัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี ในระหว่างการประชุมสมัชชารัฐภาคีแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกสมัยสามัญ โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการหารือร่วมกันระหว่างรัฐภาคีสมาชิกอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานและแนวทางการดำเนินงานตามพันธกรณีอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงการคัดเลือกกรรมการมรดกโลกทดแทนตำแหน่ง ที่ว่างลง
2. การคัดเลือกกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. 2562 – 2566 เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง จำนวน 9 ที่นั่ง จัดขึ้นในระหว่างการประชุมสมัชชารัฐภาคีฯ ดังกล่าว ครั้งที่ 22 (22nd General Assembly of States Parties to the World Heritage Convention) เมื่อวันที่ 27 – 28 พฤศจิกายน 2562 ณ สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยการคัดเลือกคณะกรรมการมรดกโลกใช้วิธีการหย่อนบัตรเลือกตั้ง แบ่งออกเป็น 2 รอบ คือ รอบที่ 1 สำหรับที่นั่งจัดสรร (Allocated seats) และที่นั่งสลับ (Rotational seat) และรอบที่ 2 สำหรับที่นั่งที่เปิดแข่งขัน (Non Allocated seats) และผลการคัดเลือกสรุปได้ ดังนี้
ประเภทที่นั่ง 2.1 ที่นั่งจัดสรร (Allocated seats)
กลุ่มภูมิภาค กลุ่มที่ 5A แอฟริกา
จำนวนที่นั่ง 3
ประเทศ สาธารณรัฐมาลี สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย และสาธารณรัฐแอฟริกาใต้
กลุ่มภูมิภาค กลุ่มที่ 5B อาหรับ
จำนวนที่นั่ง 1
ประเทศ ฐสุลต่านโอมาน
ประเภทที่นั่ง 2.2 ที่นั่งสลับ (Rotational seat)
กลุ่มภูมิภาค กลุ่มที่ 3 ลาตินอเมริกา
จำนวนที่นั่ง -
ประเทศ -
กลุ่มภูมิภาค กลุ่มที่ 4 เอเชียและแปซิฟิก
จำนวนที่นั่ง 1
ประเทศ ราชอาณาจักรไทย
ประเภทที่นั่ง 2.3 ที่นั่งเปิดเพื่อการแข่งขัน (Non Allocated seats)
กลุ่มภูมิภาค ทุกภูมิภาค
จำนวนที่นั่ง 4
ประเทศ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย สหพันธรัฐรัสเซีย ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ ราชอาณาจักรไทยได้รับเลือกเข้าเป็นกรรมการมรดกโลกด้วยคะแนน 156 เสียง จากจำนวนรัฐภาคีสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุม 170 ประเทศ (บัตรดี 156 ใบและบัตรเสีย 14 ใบ)
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563