ร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 – 2565

ข่าวการเมือง Tuesday March 3, 2020 17:29 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอดังนี้

1. เห็นชอบร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 -2565

2. รับทราบกรอบวงเงินงบประมาณที่ใช้ดำเนินการตามร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 – 2563 รวมทั้งสิ้น 11,078,946,553 บาท

ปีงบประมาณ พ.ศ.

2563 กรอบวงเงินงบประมาณ (บาท) 4,054,418,853

2564 กรอบวงเงินงบประมาณ (บาท) 3,640,079,900

2565 กรอบวงเงินงบประมาณ (บาท) 3,384,447,800

สาระสำคัญของเรื่อง

สธ.รายงานว่า

1. ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 เป็นกฎหมายแล้ว เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 สธ. ได้ดำเนินการทบทวนสถานการณ์ด้านวัคซีนทั้งในและต่างประเทศ การประเมินความเสี่ยงภูมิคุ้มกันหรือความเข้มแข็งด้านวัคซีนของประเทศ รวมทั้งทบทวนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ด้านวัคซีนและด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยผ่านการรับฟังความเห็นจากประชาชนและผู้เชี่ยวชาญในหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และได้นำเสนอคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเพื่อพิจารณาในการประชุมครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติ (1) เห็นชอบร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 - 2565 และกรอบงบประมาณ จำนวน 11,078,946,553 บาทและ (2) มอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติในฐานะเลขานุการคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติดำเนินการเสนอร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 – 2565 และกรอบงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา 10 (1) และ 10 (4) แห่งพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561

2. สธ. แจ้งว่า นโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 – 2565 เป็นแผนที่นำไปสู่การพึ่งตนเองและความมั่นคงด้านวัคซีนอย่างยั่งยืนโดยยึดหลักความสอดคล้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความสามารถในการแข่งขัน ในการจัดการวัคซีนให้มีความเพียงพอและต่อเนื่อง การวิจัยพัฒนาผลิตวัคซีนเพื่อต่อยอดสู่การผลิต การส่งออก และการบริหารจัดการทรัพยากรด้านวัคซีนของประเทศ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ในประเด็นที่ 4 อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต แผนย่อยอุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ครบวงจร อีกทั้งยังมีแนวคิดที่สอดรับกับนโยบายและแผนพัฒนาของชาติ เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 นโยบายแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2564 แผนยุทธศาสตร์ สธ. 20 ปี (พ.ศ. 2560 -2579) (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) และแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12

3. ร่างนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2563 – 2565 มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

ประเด็น - สาระสำคัญ

วิสัยทัศน์

ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านวัคซีน ประชาชนทุกคนในประเทศเข้าถึงการป้องกันโรคด้วยวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง เป็นธรรม

วัตถุประสงค์

  • เพื่อพัฒนาระบบการจัดหาที่สมดุลกับความต้องการและสนับสนุนอุตสาหกรรมวัคซีนของประเทศ และพัฒนาระบบการให้บริการวัคซีน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกพื้นที่เข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง และทันการณ์
  • เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และบูรณาการการวิจัยพัฒนา การผลิตวัคซีน การประกันคุณภาพและการนำไปใช้ให้เป็นทิศทางเดียวกัน และมีขีดความสามารถในการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนที่สามารถรองรับความต้องการได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
  • เพื่อผลิตและพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านวัคซีนอย่างครบวงจรเพื่อรองรับความต้องการอย่างเพียงพอ พัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านวัคซีนของประเทศให้มีครบถ้วนและได้มาตรฐานสากล
  • เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กรภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนให้มีศักยภาพและมีส่วนร่วมในการพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศได้อย่างเข้มแข็ง มีเอกภาพในการบริหารจัดการอย่างบูรณาการและมีประสิทธิภาพ

นโยบาย

  • รัฐบาลจะส่งเสริมให้คนไทยและผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้รับวัคซีนอย่างครอบคลุม เหมาะสม และเป็นธรรมทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน
  • รัฐบาลจะส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนที่จำเป็นสำหรับใช้ป้องกันโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศ เพื่อทดแทนการนำเข้าและการส่งออกในระยะต่อไป
  • รัฐบาลจะส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานด้านวัคซีนของประเทศเพื่อรองรับความต้องการอย่างเพียงพอ และได้มาตรฐานสากล
  • รัฐบาลจะส่งเสริมให้องค์กรภาคีเครือข่ายด้านวัคซีนมีความเข้มแข็ง เพื่อให้สามารถดำเนินการด้านวัคซีนได้อย่างครบวงจรและมีคุณภาพ

ยุทธศาสตร์

ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

  • ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาระบบและบริหารจัดการงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้มีประสิทธิภาพทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน โดยมุ่งสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเป็นธรรมและทันต่อสถานการณ์ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน มุ่งพัฒนากลไกและระบบงบประมาณในการนำวัคซีนใหม่เข้ามาใช้เป็นวัคซีนพื้นฐาน รวมทั้งมุ่งส่งเสริมการพัฒนารูปแบบและมาตรฐานของการให้บริการวัคซีน
  • ยุทธศาสตร์ที่ 2 ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยพัฒนา และการผลิตวัคซีนรองรับความต้องการในการป้องกันโรคของประเทศ โดยมุ่งสร้างศักยภาพในการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน ส่งเสริมและสนับสนุนทุนในการวิจัยพัฒนาวัคซีนเป้าหมายและวัคซีนเพื่อตอบโต้การระบาด รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาหรือรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตวัคซีน
  • ยุทธศาสตร์ที่ 3 ส่งเสริม สนับสนุนอุตสาหกรรมวัคซีนภายในประเทศให้มีความเข้มแข็งและส่งออกได้ ซึ่งให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพของอุตสาหกรรมวัคซีนของประเทศ โดยการแสวงหาและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการกำหนดนโยบาย มาตรการ หรือระเบียบปฏิบัติที่สนับสนุนให้เกิดการลงทุน ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนให้สามารถผลิตวัคซีนที่จำเป็นได้อย่างเพียงพอและได้มาตรฐานสากลเพื่อสามารถส่งออกจำหน่ายในภูมิภาคและนานาชาติได้อย่างเข้มแข็งและเติบโต
  • ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาศักยภาพบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานด้านวัคซีนของประเทศให้รองรับภารกิจความมั่นคงด้านวัคซีนได้อย่างเหมาะสม ให้ความสำคัญกับการผลิต การพัฒนา และการรักษาบุคลากรในสาขาที่จำเป็นและขาดแคลนให้เพียงพอ รวมถึงการพัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานให้ได้มาตรฐานสากลและการพัฒนาองค์กรภาคีเครือข่ายด้านวัคซีนให้มีศักยภาพสูงและเป็นเอกภาพ
  • ยุทธศาสตร์ที่ 5 เสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กรภาคีเครือข่ายด้านวัคซีนของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้สามารถดำเนินการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จำนวนโครงการ

67 โครงการ

กรอบวงเงินงบประมาณ

11,078,946,553 บาท

การประเมินผล

แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่

1) ประเมินผลก่อนการปฏิบัติการหรือก่อนเริ่มโครงการ โดยให้หน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านวัคซีนประเมินตนเองเพื่อประเมินสถานการณ์และศักยภาพความพร้อมของหน่วยงาน (ระยะเวลา 1 ปี พ.ศ. 2563)

2) ประเมินผลระหว่างดำเนินการ โดยคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติหรือหน่วยงานภายนอกเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน เพื่อติดตามประเมินผลความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการ (ระยะเวลา 2 ปี พ.ศ. 2563 – 2564)

3) ประเมินผลหลังสิ้นสุดแผน โดยคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ปัญหาอุปสรรค และผลกระทบในภาพรวม พร้อมทั้งสรุปผลการดำเนินงานภายหลังจากสิ้นสุดแผนและจะรายงานต่อคณะรัฐมนตรีทุกปี (ระยะเวลา 3 ปี พ.ศ. 2563 – 2565)

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มีนาคม 2563

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ