คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 และการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ ไปปฏิบัติและติดตามผลการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
รายงานผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีสมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 โดยนายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนนครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2562 เพื่อเข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมคู่ขนานต่างๆ ที่จัดขึ้นในโอกาสการครบรอบ 30 ปี ของความสัมพันธ์อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ตลอดจนการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงบทบาทนำอย่างมีวิสัยทัศน์และสร้างสรรค์ ในฐานะประธานอาเซียนและประธานร่วมกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ส่งผลให้การประชุมฯ ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยในบรรยากาศที่เป็นมิตร และประสบความสำเร็จในการผลักดันผลลัพธ์ของการประชุมที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และช่วยส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองต่ออาเซียนและภูมิภาคโดยรวม ตลอดจนสามารถผลักดันประเด็นสำคัญภายใต้แนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนของไทย ทั้งในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยง การเสริมสร้างสถาปัตยกรรมของภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลางและความร่วมมือในสาขาต่างๆ ส่วนในด้านการหารือทวิภาคี ไทยสามารถผลักดันความร่วมมือกับสาธารณรัฐเกาหลีในสาขาที่เอื้อต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การค้าการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ ความร่วมมือในสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม การสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การลงทุนในพื้นที่ EEC และการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายในสาธารณรัฐเกาหลี
เพื่อให้ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 และการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี เกิดผลเป็นรูปธรรม จึงมีประเด็นที่ต้องมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รับทราบและจะติดตามความคืบหน้าและดำเนินการตามผลการประชุมฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยสำนักงานส่งเสริมการลงทุนได้ดำเนินกิจกรรมชักจูงการลงทุนจากสาธารณรัฐเกาหลีในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพให้มาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และยินดีให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ในการผลักดันและสนับสนุนการลงทุนของสาธารณรัฐเกาหลี ในพื้นที่ EEC และในพื้นที่เฉพาะสำหรับนักลงทุนสาธารณรัฐเกาหลีในนิคมอุตสาหกรรมต่อไป ทั้งนี้ ยังให้เพิ่มกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในประเด็นที่ 3 ความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำของตารางติดตามผลการหารือฯ ด้วย
ผลการประชุมดังกล่าวมีประเด็นที่จะต้องมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้วย ในประเด็นต่างๆ เช่น การส่งเสริมการรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่ การร่วมมือเพื่อพัฒนาทุนมนุษย์ โดยเฉพาะในมิติของการส่งเสริมแรงงานของอาเซียนให้มีความพร้อมรับมือกับความท้าทายของการปฏิวัติอุสาหกรรมครั้งที่ 4 (4IR) การพัฒนาเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 เมษายน 2563