คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและสหพันธรัฐรัสเซีย (รัสเซีย) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ และเห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่วมกับสหพันธรัฐรัสเซีย เนื่องจากเป็นการดำเนินงานตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นพันธกรณีที่ประเทศไทยได้ลงนามรับรองไว้แล้วเมื่อปี พ.ศ. 2548 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับรัสเซียในการพัฒนา จัดโครงการเฉพาะ หรือกิจกรรมด้านการจัดการภัยพิบัติโดยอาศัยทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกของคู่ภาคีที่หามาได้ โดยขึ้นอยู่กับกฎหมายภายในประเทศ กฎ ระเบียบ และนโยบายแห่งชาติซึ่งใช้บังคับในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนและรัสเซีย โดยมีเป้าหมายของโครงการความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติระหว่าง 2 ฝ่าย คือ มุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการบรรเทาความเสี่ยงจากภัยพิบัติ รวมถึงสนับสนุนการปฏิบัติงานของ AHA Centre และศูนย์ภาวะวิกฤตของรัสเซีย โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1. ขอบเขตความร่วมมือ
(1) สนับสนุนการเตือนภัยล่วงหน้า และการติดตามการประเมินความเสี่ยงอันตรายจากผลกระทบดังกล่าว
(2) อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
(3) ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการบรรเทาความเสี่ยงจากภัยพิบัติ
(4) ส่งเสริมการฝึกอบรมความเชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการภัยพิบัติ
(5) สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง AHA Centre และศูนย์ภาวะวิกฤตของรัสเซีย
2. กลไกการดำเนินการและโครงการความร่วมมือ ทั้ง 2 ฝ่ายจะพัฒนาความร่วมมือหรือร่วมกันจัดโครงการโดยเฉพาะหรือกิจกรรมด้านการจัดการภัยพิบัติ โดยอาศัยทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกของทั้ง 2 ฝ่าย โดยขึ้นอยู่กับกฎหมาย กฎ ระเบียบภายในของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนและรัสเซีย
3. ผลของบันทึกความเข้าใจ บันทึกความเข้าใจเป็นเพียงการบันทึกความตั้งใจของคู่ภาคี และไม่ก่อให้เกิดการสร้างภาระผูกพันภายใต้กฎหมายภายในประเทศ หรือกฎหมายระหว่างประเทศ หรือก่อให้เกิดกระบวนการทางกฎหมายใดๆ หรือก่อให้เกิดภาระหน้าที่ที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
4. การเริ่มมีผลบังคับใช้และระยะเวลา บันทึกความเข้าใจจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ได้มีการลงนาม โดยมีผลบังคับใช้ช่วงระยะเวลา 3 ปี และจะมีผลบังคับใช้ใหม่โดยอัตโนมัติในอีก 3 ปีถัดไป หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายอาจขยายระยะเวลาตามที่ได้ตกลงร่วมกัน
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 พฤษภาคม 2563