1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของ สำนักงบประมาณและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
3. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
1. พระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน พ.ศ. 2551 มีบทบัญญัติบางมาตราไม่เป็นไปตามสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งบทบัญญัติการอนุรักษ์ดินและน้ำไม่ครอบคลุมถึงการพัฒนาและเก็บรักษาน้ำในดินและน้ำบนดิน องค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาที่ดินไม่คลอบคลุมถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องทรัพยากรน้ำ รวมถึงปัญหาการขอรับบริการวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน น้ำ พืช ปุ๋ย หรือสิ่งปรับปรุงดินของเกษตรกรซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายจะ ถูกถ่ายโอนไปยังภาคเอกชนหรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยจะมีค่าใช้จ่ายในการขอรับบริการ จึงมีปัญหาเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่เกษตรกรรมไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดิน หรือการชะล้างพังทลายของดิน รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดิน
2. ดังนั้น เพื่อให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินซึ่งสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ในอันที่จะคุ้มครองพื้นที่ทางการเกษตรของประเทศไม่ให้ถูกทำลายไม่ว่าจะเกิดจากการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือ การชะล้างพังทลายของดิน จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาที่ดินในเรื่องการอนุรักษ์ดินและน้ำเพื่อให้ครอบคลุมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นดังนี้
2.1 แก้ไขบทนิยาม “การอนุรักษ์ดินและน้ำ” ให้ครอบคลุมถึงการพัฒนาและเก็บรักษาน้ำในดินและน้ำบนดิน
2.2 แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาที่ดินให้ครอบคลุมถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องทรัพยากรน้ำ และแก้ไขให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจหน้าที่ในการออกระเบียบเกี่ยวกับคำขอให้วิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน น้ำ พืช ปุ๋ย หรือ สิ่งปรับปรุงดิน หรือคำขอให้ปรับปรุงดินหรือที่ดินหรือคำขอให้อนุรักษ์ดินและน้ำ หรือคำขอให้บริการแผนที่ ข้อมูลทางแผนที่
2.3 เพิ่มเติมหน้าที่กรมพัฒนาที่ดินในการทำสำมะโนที่ดิน การพัฒนาและเก็บรักษาน้ำในดินและน้ำบนดินเพื่อการเกษตร ตลอดจนการให้บริการ สาธิต ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการพัฒนาที่ดินเพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของกรมพัฒนาที่ดิน
2.4 แก้ไขให้เกษตรกรสามารถขอใช้บริการวิเคราะห์ ตรวจสอบตัวอย่างดิน น้ำ พืช ปุ๋ย หรือสิ่งปรับปรุงดิน จากเดิมที่ต้องยื่นคำขอต่อหน่วยงานพัฒนาที่ดินในท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ แต่หากไม่มีหน่วยงานดังกล่าวให้ยื่นต่อเขตหรือที่ว่าการอำเภอ เป็นยื่นคำขอต่อหน่วยงานพัฒนาที่ดินในท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ เนื่องจาก มีหน่วยงานของกรมพัฒนาที่ดินครอบคลุมทุกจังหวัดแล้ว ทั้งนี้ กรมพัฒนาที่ดินเตรียมการถ่ายโอนภารกิจด้านการวิเคราะห์ ตรวจสอบ และให้คำปรึกษา แนะนำ เกี่ยวกับดิน น้ำ พืช ปุ๋ย และอื่น ๆ ให้แก่ภาคเอกชนหรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ดำเนินการแทน โดยยกเว้นค่าใช้จ่ายให้แก่เกษตรกรและงานวิจัยที่มาขอใช้บริการ
2.5 แก้ไขให้เกษตรกร ผู้ศึกษาวิจัย และประชาชนที่ประสงค์จะให้กรมพัฒนาที่ดินปรับปรุงดินหรือที่ดิน หรืออนุรักษ์ดินและน้ำ หรือบริการแผนที่ ข้อมูลทางแผนที่ จากเดิมที่ต้องยื่นคำขอต่อหน่วยงานพัฒนาที่ดินในท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ แต่หากไม่มีหน่วยงานดังกล่าวให้ยื่นต่อเขตหรือที่ว่าการอำเภอ เป็นยื่นคำขอ ต่อหน่วยงานพัฒนาที่ดินในท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่โดยการเสียค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามกฎกระทรวง
3. กษ. ได้ดำเนินการตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 โดยรายงานว่า การตรากฎหมายข้างต้นเป็นการเตรียมการถ่ายโอนงานวิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน น้ำ พืช ปุ๋ย หรือสิ่งปรับปรุงดิน ให้ภาคเอกชน หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ดำเนินการแทนส่วนราชการ โดยจะยกเว้นค่าใช้จ่ายให้เฉพาะเกษตรกรและงานวิจัยที่มาขอใช้บริการ ซึ่งจะช่วยให้ผู้รับบริการซึ่งเป็นเกษตรกรและงานศึกษาวิจัยได้รับบริการการวิเคราะห์ ตรวจสอบตัวอย่างดิน น้ำ พืช ปุ๋ย หรือสิ่งปรับปรุงดิน ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง อันเป็นการขยายโอกาสให้เกษตรกรพัฒนาอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป และเป็นประโยชน์กับการศึกษาวิจัย รวมทั้งโครงการงานนโยบายของหน่วยงานของรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม การถ่ายโอนงานดังกล่าวจะส่งผลให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บค่าใช้จ่ายหรือค่าใช้บริการ จากเฉลี่ยประมาณ 344,730 บาท/ต่อปี
4. กษ. ได้ดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้แล้ว โดยดำเนินการผ่านเว็บไซต์ของกรมพัฒนาที่ดิน www.ldd.go.th ระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม 2562 ถึงวันที่ 16 กันยายน 2562 และได้มีหนังสือส่งไปยังหน่วยงานราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็นในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ (วันที่ 8 สิงหาคม 2562) จังหวัดสงขลา (วันที่ 28 สิงหาคม 2562) และจังหวัดอุบลราชธานี (วันที่ 4 กันยายน 2562) ทั้งนี้ ได้ทำสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายพร้อมทั้งเปิดเผยเอกสารดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ www.ldd.go.th ตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรี (19 พฤศจิกายน 2562) เรื่อง การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว
จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติพัฒนาที่ดิน (ฉบับที่..) พ.ศ. .... มาเพื่อดำเนินการ
1. กำหนดบทนิยามคำว่า “การอนุรักษ์ดินและน้ำ” โดยให้ครอบคลุมถึงการพัฒนาและเก็บรักษาน้ำในดินและน้ำบนดิน
2. กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน โดยเพิ่มเติมให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นกรรมการ และแก้ไขชื่อเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
3. กำหนดให้คณะกรรมการพัฒนาที่ดินมีอำนาจในการออกระเบียบเกี่ยวกับคำขอให้วิเคราะห์ตรวจสอบตัวอย่างดิน น้ำ พืช ปุ๋ย หรือ สิ่งปรับปรุงดิน หรือคำขอให้ปรับปรุงดิน หรือที่ดินหรือคำขอให้การอนุรักษ์ดินและน้ำ หรือคำขอให้การบริการแผนที่ ข้อมูลทางแผนที่
4. กำหนดให้กรมพัฒนาที่ดินมีหน้าที่ในการทำสำมะโนที่ดิน การพัฒนาและเก็บรักษาน้ำในดินและน้ำบนดินเพื่อการเกษตร ตลอดจนการให้บริการ สาธิต ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการพัฒนาที่ดิน
5. กำหนดให้เกษตรกรผู้ใดประสงค์จะให้กรมพัฒนาที่ดินวิเคราะห์ ตรวจสอบตัวอย่างดิน น้ำ พืช ปุ๋ย หรือ สิ่งปรับปรุงดินให้ติดต่อหน่วยงานพัฒนาที่ดินในท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
6. กำหนดให้ผู้ใดที่ประสงค์จะให้กรมพัฒนาที่ดินปรับปรุงดินหรือที่ดิน หรืออนุรักษ์ดินและน้ำ หรือให้บริการแผนที่ ข้อมูลทางแผนที่ ให้ยื่นคำขอต่อหน่วยงานพัฒนาที่ดินในท้องที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ โดยให้เป็นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข และเสียค่าใช้จ่ายตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 พฤษภาคม 2563