คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงาน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
1. ได้มีกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งการอนุญาตและอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2556 ข้อ 44 กำหนดให้ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อเป็นกิจการควบคุมที่ต้องได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาตก่อนจึงจะประกอบการได้ ทั้งนี้ เป็นไปตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ประกอบกับกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. 2556 ข้อ 2 ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้นได้กำหนดให้ “ก๊าซธรรมชาติ” หมายความว่า ก๊าซปิโตรเลียมที่ประกอบด้วยมีเทนเป็นส่วนใหญ่และอยู่ในสถานะไอก๊าซ และ “ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ” ไม่รวมถึงท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่นอกชายฝั่งทะเลจนถึงสถานีแรกบนฝั่ง
2. โดยที่ปัจจุบันมีการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อที่อยู่ในสถานะของเหลวรวมอยู่ด้วย ประกอบกับพระราชบัญญัติดังกล่าวตามข้อ 1. ได้แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “น้ำมันเชื้อเพลิง” หมายความว่า ก๊าซธรรมชาติ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันดิบ ฯลฯ ดังนั้น เพื่อให้มีการกำกับดูแลท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่นอกชายฝั่งทะเลจนถึงสถานีแรกบนฝั่ง และการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อที่อยู่ในสถานะของเหลว ซึ่งจะทำให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการในปัจจุบัน ตลอดจนสอดคล้องกับมาตรฐานสากล จึงสมควรปรับปรุงกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. 2556 เพื่อให้ครอบคลุมถึงการประกอบกิจการทั้งท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกและท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเล รวมถึงท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ทั้งนี้ ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 ด้วยแล้ว จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. …. มาเพื่อดำเนินการ
1. กำหนดให้ “ก๊าซธรรมชาติ” หมายความว่า ก๊าซปิโตรเลียมที่ประกอบด้วยมีเทนเป็นส่วนใหญ่
2. กำหนดให้ “ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ” หมายความว่า ระบบที่เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายก๊าซธรรมชาติผ่านท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก หรือท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเลจากต้นทางไปยังปลายทาง ซึ่งประกอบด้วย สถานี ท่อ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการขนส่งก๊าซธรรมชาติ
3. กำหนดให้ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อต้องได้รับการเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและจัดทำรายงานการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข ลด ติดตาม และตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ระบุไว้ในรายงานด้านสิ่งแวดล้อม
4. กำหนดให้ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อที่ไม่ถือเป็นระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อตามกฎกระทรวงนี้ เช่น พื้นที่พัฒนาร่วม โรงแยกก๊าซธรรมชาติ และโรงผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว เป็นต้น
5. กำหนดให้ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อต้องมีแผนผังโดยสังเขป แสดงตำแหน่งที่ตั้งของระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ แผนผังบริเวณแสดงแนวท่อ แบบก่อสร้าง ระบบการขนส่ง และรายการคำนวณความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัย
6. กำหนดให้การออกแบบ การก่อสร้าง ติดตั้ง และวัสดุ อุปกรณ์ ของระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางก่อต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ประกาศโดยสมาคมวิศวกรเครื่องกลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา มาตรฐานของประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป หรือมาตรฐานอื่นที่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานเห็นชอบ
7. กำหนดให้สถานีและแท่นประกอบการขนส่งก๊าซธรรมชาติต้องจัดให้มีป้ายห้ามและคำเตือนเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสีและเครื่องหมายเพื่อความปลอดภัย และต้องติดตั้งไว้ในที่ที่เห็นได้ง่าย ได้แก่ ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามจุดไฟและก่อประกายไฟ และห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ นอกจากนี้ สถานีต้องติดตั้งเครื่องดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งขนาดบรรจุไม่น้อยกว่า 6.8 กิโลกรัม ที่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือมาตรฐานอื่นที่กรมธุรกิจพลังงานเห็นชอบอย่างน้อยสองเครื่องไว้ ณ บริเวณที่มองเห็นและสามารถนำออกมาใช้ได้โดยง่าย
8. กำหนดให้ผู้ขออนุญาตต้องจัดให้มีการเตรียมการในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างน้อยต้องมีการจัดทำแผนป้องกันเหตุฉุกเฉินซึ่งครอบคลุมทั้งจากเหตุอันเกิดจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการขนส่ง และจากเหตุอันเกิดจากบุคคลทั่วไป จัดทำแผนระงับเหตุฉุกเฉินและแผนเผชิญเหตุฉุกเฉิน และจัดทำป้ายขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อประสบเหตุฉุกเฉินสำหรับบุคคลทั่วไปเมื่อมีการก่อสร้างในพื้นที่เขตระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มิถุนายน 2563