รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทยเดือนเมษายน 2563

ข่าวการเมือง Tuesday June 16, 2020 17:25 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์การส่งออกของไทยเดือนเมษายน 2563 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้

สาระสำคัญ

1. สรุปสถานการณ์การส่งออกของไทยเดือนเมษายน 2563

การส่งออกเดือนเมษายน 2563 มีมูลค่า 18,948 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.12 ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แม้อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวที่ร้อยละ 4.03 ตามความต้องการสินค้าอาหารของตลาดโลกในช่วงล็อกดาวน์ โดยเฉพาะข้าวกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 18 เดือน และขยายตัวในระดับสูงที่ร้อยละ 23.10 อาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 34.33 นอกจากนี้ อาหารทะเลแช่แข็ง ผักและผลไม้ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป และสิ่งปรุงรสอาหาร ยังขยายตัวดีในระดับที่น่าพอใจ สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 4.05 จากการส่งออกทองคำ อากาศยาน แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องมือแพทย์เป็นหลัก

มูลค่าการค้าในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนเมษายน 2563 การส่งออกมีมูลค่า 18,948 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.12 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 16,486 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ 17.13 โดยการค้าเกินดุล 2,462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2563 การส่งออกมีมูลค่า 81,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวที่ร้อยละ 1.19 ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 75,224 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ 5.72 ส่งผลให้ 4 เดือนแรกของปี 2563 การค้าเกินดุล 6,396 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

มูลค่าการค้าในรูปของเงินบาท เดือนเมษายน 2563 การส่งออกมีมูลค่า 613,979 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.32 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 541,019 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 14.61 โดยการค้าเกินดุล 72,960 ล้านบาท ภาพรวม 4 เดือนแรกของปี 2563 การส่งออกมีมูลค่า 2,517,136 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 1.07 ขณะที่ การนำเข้ามีมูลค่า 2,349,710 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 8.06 ส่งผลให้ 4 เดือนแรกของปี 2563 การค้าเกินดุล 167,426 ล้านบาท

มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวที่ร้อยละ 4.0 (YoY) สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ข้าว ขยายตัวที่ร้อยละ 23.1 (ขยายตัวเกือบทุกตลาด อาทิ สหรัฐฯ สิงคโปร์ ฮ่องกง แอฟริกาใต้ และจีน) ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป ขยายตัวที่ร้อยละ 5.7 (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และออสเตรเลีย) ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 9.6 (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ และฮ่องกง) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวที่ร้อยละ 34.3 (ขยายตัวเกือบทุกตลาด อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น มาเลเซีย อิตาลี และออสเตรเลีย) สิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัวที่ร้อยละ 18.9 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์) สินค้าที่หดตัว ได้แก่ ยางพารา หดตัวที่ร้อยละ 20.7 (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ตุรกี บราซิล เยอรมนี และไต้หวัน แต่ยังขยายตัวดีในตลาดเกาหลีใต้ และเวียดนาม) น้ำตาลทราย หดตัวที่ร้อยละ 8.3 (หดตัวในตลาดไต้หวัน จีน เมียนมา แทนซาเนีย กัมพูชา และเกาหลีใต้ แต่ยังขยายตัวดีในตลาดอินโดนีเซีย เวียดนาม ญี่ปุ่น และสิงคโปร์) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัวที่ร้อยละ 6.7 (หดตัวในตลาดจีน อินโดนีเซีย ไต้หวัน มาเลเซีย และนิวซีแลนด์ แต่ยังขยายตัวดีในญี่ปุ่น สหรัฐฯ เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และเวียดนาม) เครื่องดื่ม หดตัวที่ร้อยละ 14.4 (หดตัวในตลาดกัมพูชา เวียดนาม เมียนมา สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แต่ยังขยายตัวดีในตลาดจีน สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) รวม 4 เดือนแรกของปี 2563 มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวที่ร้อยละ 1.4 (YoY)

มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวที่ร้อยละ 4.0 (YoY) สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ทองคำ ขยายตัวเกือบทุกตลาดที่ร้อยละ 1,102.8 (ขยายตัวในตลาดสวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น) ยานพาหนะอื่นๆ และส่วนประกอบ ขยายตัวที่ร้อยละ 1,423.1 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เวียดนาม เมียนมา ญี่ปุ่น และเนปาล) อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ ขยายตัวที่ร้อยละ 584.7 (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ไต้หวัน และญี่ปุ่น) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด ขยายตัวที่ร้อยละ 56.1 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐ ฮ่องกง เวียดนาม ญี่ปุ่น และสิงคโปร์) แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัวที่ร้อยละ 1.8 (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน และไต้หวัน) สินค้าที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ หดตัวที่ร้อยละ 53.8 (หดตัวเกือบทุกตลาด อาทิ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก มาเลเซีย และเวียดนาม แต่ยังขยายตัวดีในตลาดญี่ปุ่น และจีน) สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน หดตัวที่ร้อยละ 31.3 (หดตัวเกือบทุกตลาด อาทิ จีน เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และกัมพูชา แต่ยังขยายตัวดีในตลาดญี่ปุ่น) อัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ หดตัวที่ร้อยละ 49.3 (หดตัวเกือบทุกตลาด อาทิ สหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยังขยายตัวได้ดีในตลาดเยอรมนี) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ หดตัวที่ร้อยละ 2.1 (หดตัวในตลาดฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเม็กซิโก แต่ยังขยายตัวดีในตลาดสหรัฐฯ จีน และสิงคโปร์) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หดตัวที่ร้อยละ 30.2 (หดตัวในตลาดเวียดนาม ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ แต่ยังขยายตัวดีในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเนเธอร์แลนด์) รวม 4 เดือนแรกของปี 2563 มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวที่ร้อยละ 2.4 (YoY)

ตลาดส่งออกสำคัญ

การส่งออกไปยังตลาดสำคัญหลายตลาดขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะตลาดจีน และญี่ปุ่น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ และอาเซียน (5) ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกไปตลาดที่ยังคงเผชิญกับการแพร่ระบาดในระดับสูง เช่น สหภาพยุโรป (15) ตะวันออกกลาง (15) และเอเชียใต้ ปรับตัวลดลง รายละเอียดมีดังนี้ 1) การส่งออกไปตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 7.7 ตามการส่งออกไปสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ขยายตัวร้อยละ 34.6 และร้อยละ 9.8 ตามลำดับ ขณะที่สหภาพยุโรป (15) หดตัวร้อยละ 28.7 2) การส่งออกไปตลาดศักยภาพสูง หดตัวร้อยละ 4.0 เนื่องจากการลดลงของการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และเอเชียใต้ ร้อยละ 31.0 และ 56.1 ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกไปตลาดจีน และอาเซียน (5) ขยายตัวร้อยละ 9.0 และร้อยละ 13.0 ตามลำดับ และ 3) การส่งออกไปตลาดศักยภาพระดับรอง หดตัวร้อยละ 28.5 โดยการส่งออกไปทวีปออสเตรเลีย (25) กลับมาหดตัวร้อยละ 29.5 ส่วนการส่งออกไปตะวันออกกลาง (15) ลาตินอเมริกา รัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS และทวีปแอฟริกา หดตัวร้อยละ 25.3 ร้อยละ 33.7 ร้อยละ 33.5 และร้อยละ 31.8 ตามลำดับ

2. แนวโน้มและมาตรการส่งเสริมการส่งออก

ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้สินค้าเกษตรและอาหารเป็นสินค้า

ที่มีความต้องการสูงในตลาดต่างประเทศ และคาดว่าจะเติบโตดีต่อเนื่อง 1 – 2 ปี ซึ่งนับเป็นโอกาสในการขยายตลาดสินค้าเกษตรของไทย ด้านสินค้าที่มีการขนส่งทางบก โดยเฉพาะตลาดอาเซียนที่ประสบปัญหาการปิดด่าน กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานการเจรจากับประเทศคู่ค้า อาทิ สปป.ลาว เวียดนาม และมาเลเซีย โดยสามารถเจรจาลดอุปสรรคการส่งออกสินค้าตามแนวชายแดน ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าที่ใช้การขนส่งทางถนนเป็นหลัก รวมถึงสินค้าผักและผลไม้ที่ไทยส่งออกไปจีนตอนใต้โดยขนส่งผ่านประเทศเพื่อนบ้านด้วย

แนวโน้มการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ผ่านมาเผชิญอุปสรรคสำคัญด้านการขนส่งบริเวณท่าเรือที่แออัด และการขนส่งทางอากาศที่หยุดชะงัก ส่งผลให้สินค้ามูลค่าสูงที่ขนส่งทางอากาศ โดยเฉพาะอัญมณีและเครื่องประดับได้รับผลกระทบด้วย อย่างไรก็ตาม ประเทศต่างๆ ที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว อาทิ จีน เยอรมนี อิตาลี และนิวซีแลนด์ กำลังกลับมาเริ่มต้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และในที่สุดจะทำให้กำลังซื้อของประเทศคู่ค้าเหล่านี้กลับมาขยายตัว เป็นผลดีต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น รถยนต์และส่วนประกอบที่หดตัวอย่างต่อเนื่อง ก็คาดว่าจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งหลังวิกฤติ

สำหรับการส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้เจรจากับประเทศญี่ปุ่น ขอให้สนับสนุนผลไม้ไทย 9 ชนิด ผ่านกิจกรรมประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดต่างๆ โดยเฉพาะการขายตรงทางโทรทัศน์ในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงได้ง่าย นอกจากนี้ กระทรวงฯ ได้หารือกับภาคเอกชน เพื่อรับฟังและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปที่ไทยมีศักยภาพในการผลิตสูง รวมทั้ง การจัดทำแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพเป็นช่องทางระบายสินค้าด้านการเกษตรให้กับเกษตรกรรวมทั้งผู้ผลิตแปรรูปและผู้ส่งออกได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยให้สินค้าเกษตรของไทยสามารถขยายการส่งออกได้ ในอนาคต

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มิถุนายน 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ