ขออนุมัติดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน จังหวัดฉะเชิงเทรา

ข่าวการเมือง Wednesday July 8, 2020 16:19 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) โดยกรมชลประทานดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในกรอบวงเงิน 1,880 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – พ.ศ. 2567) โดยให้กรมชลประทานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความพร้อมและความสามารถในการใช้จ่ายที่สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ อย่างเคร่งครัด เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

สาระสำคัญของเรื่อง

1. กษ. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้ กษ. โดยกรมชลประทาน ดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน จังหวัดฉะเชิงเทรา (โครงการฯ) มีกำหนดแผนงานโครงการ 4 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2567) กรอบวงเงินงบประมาณโครงการทั้งสิ้น 1,880 ล้านบาท และให้มอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานต่อไป

2. ข้อมูลการประเมินความต้องการใช้น้ำของจังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งแต่ พ.ศ. 2560 – 2580 พบว่า ปริมาณความต้องการใช้น้ำในปี 2580 เมื่อเทียบกับปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 1,456 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 1,637 ล้านลูกบาศก์เมตร (เพิ่มขึ้นร้อยละ 12) แต่ปัจจุบันจังหวัดฉะเชิงเทรามีแหล่งน้ำต้นทุนเพียง 1,510 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับการใช้น้ำเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของจังหวัดในอนาคต กษ. โดยกรมชลประทาน ได้มีแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อรองรับการเจริญเติบโตในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยได้จัดทำแผนการพัฒนาแหล่งน้ำภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งมีอ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียนรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ ได้มีการขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าว และจะดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกรอกเคียน จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นโครงการแรก ซึ่งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบแผนดังกล่าวในคราวประชุมครั้งที่ 3/2562 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2562 และมีมติเห็นชอบในหลักการให้กรมชลประทานดำเนินโครงการฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563

3. สาระสำคัญของโครงการฯ สรุปได้ ดังนี้

ประเด็น / รายละเอียด

วัตถุประสงค์

เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภค – บริโภค และการอุตสาหกรรม ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ประมาณ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี รวมทั้งรักษาสมดุลของระบบนิเวศวิทยาในการเสริมศักยภาพการผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกง

ที่ตั้งโครงการ

เขื่อนหัวงานอยู่บริเวณบ้านอ่างเตย ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา

ลักษณะโครงการ

กิจกรรมหลัก ประกอบด้วย เขื่อนดิน อาคารระบายน้ำล้น อาคารท่อระบายน้ำลงลำน้ำเดิม อาคารท่อส่งน้ำฝั่งขวา และอาคารท่อส่งน้ำฝั่งซ้าย

ความจุ

จะเก็บกักน้ำต้นทุน จำนวน 19.20 ล้านลูกบาศก์เมตร

ความเหมาะสมของโครงการฯ

การศึกษาความเหมาะสมของโครงการฯ แล้วเสร็จเมื่อเดือนมีนาคม 2540

การออกแบบ

การสำรวจออกแบบแล้วเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2545

การขออนุญาตเข้าทำประโยชน์พื้นที่

พื้นที่ที่ใช้ในการดำเนินการก่อสร้าง จำนวน 6,442 – 2 – 99 ไร่ เป็นพื้นที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมทั้งหมด ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการฯ มีพื้นที่ชลประทานไม่ถึง 80,000 ไร่ ไม่ได้ก่อสร้างประตูระบายน้ำในแม่น้ำสายหลัก 23 สาย จึงไม่จัดอยู่ในประเภทหรือกิจการที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

การรับฟังความคิดเห็น

ได้จัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและเพื่อให้มีส่วนร่วมของประชาชนผู้ครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินที่ถูกเขตชลประทานและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบ/เห็นด้วยกับการก่อสร้างโครงการฯ

การเยียวยา

ได้เตรียมมาตรการในการจ่ายค่ารื้อย้ายทรัพย์สินบริเวณที่ดินไว้ในแผนงานโครงการฯ แล้ว

งบประมาณ

งบประมาณดำเนินโครงการฯ 1,880 ล้านบาท เป็นงบลงทุนทั้งหมด จำแนกเป็นค่าก่อสร้าง จำนวน 680 ล้านบาท และค่าชดเชยที่ดิน จำนวน 1,200 ล้านบาท

ความเชื่อมโยงกับแผนต่าง ๆ

สอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) และแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (พ.ศ. 2558 – 2569) ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต (เกษตรและอุตสาหกรรม) และยุทธศาสตร์ที่ 3 การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย

ทั้งนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกพิจารณาแล้วเห็นชอบ/เห็นควรให้ความเห็นชอบโครงการฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เนื่องจากโครงการฯ มีความพร้อมทั้งในด้านของพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมทั้งหมดซึ่งกรมชลประทานได้ดำเนินการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่แล้วและไม่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงควรเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนงานโครงการ (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2567) ที่ตั้งไว้

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 กรกฎาคม 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ