เรื่อง การลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการลงนามพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 เรื่องการจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ ตามข้อ 4.8) ด้วย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นการดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงควบคุมคุณภาพและตรวจกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับลงนามเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2547 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ผลไม้ที่นำเข้าและส่งออกของทั้งสองฝ่ายจะต้องเป็นผลไม้ที่ได้รับอนุญาตระหว่างกัน โดยจะต้องจัดส่งข้อมูลทะเบียนรายชื่อสวน และโรงคัดบรรจุ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนของแต่ละฝ่าย ทั้งนี้ ผลไม้ต้องได้รับการบรรจุในผลิตภัณฑ์ใหม่ สะอาด และอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์หรือตู้ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่ง
2. ก่อนการส่งออก หน่วยงานผู้รับผิดชอบของไทยและจีนจะสุ่มเก็บตัวอย่างของผลไม้เพื่อตรวจสอบ และจะออกใบรับรองสุขอนามัยพืชเมื่อสินค้าเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยตู้คอนเทนเนอร์หรือตู้ควบคุมอุณหภูมิจะต้องถูกปิดผนึก ในใบรับรองสุขอนามัยพืชจะต้องระบุหมายเลขตู้สินค้า รวมทั้งหมายเลขกำกับการปิดผนึก โดยใบรับรองฯ จะมีอายุ 10 วัน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะต้องส่งสำเนาใบรับรองฯ ผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ก่อนสินค้าจะเข้าด่านของทั้งสองประเทศ โดยห้ามมิให้มีการเปิดตู้ผลไม้ระหว่างการขนส่งผ่านประเทศที่สาม โดยจุดส่งออกและจุดนำเข้าของทั้งสองฝ่าย ปรากฏตามภาคผนวกของพิธีสาร ดังนี้
2.1 จุดนำเข้าและจุดส่งออกของสาธารณรัฐประชาชนจีน
(1) โหย่วอี้กว่าน
(2) โม่ฮาน
(3) ตงชิง
(4) สถานีรถไฟผิงเสียง
2.2 จุดนำเข้าและส่งออกของราชอาณาจักรไทย
(1) เชียงของ
(2) มุกดาหาร
(3) นครพนม
(4) บ้านผักกาด
(5) บึงกาฬ
3. เมื่อผลไม้ถึงด่านนำเข้า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบและกักกัน ณ ด่านนำเข้า โดยจะตรวจสอบความสมบูรณ์ของการปิดผนึกตู้สินค้า ใบรับรอง สุขอนามัยพืช เอกสารที่เกี่ยวข้อง และความสมบูรณ์ของ ตู้ระวางสินค้า และจะมีการปล่อยสินค้าภายหลังจากสุ่มตัวอย่างเพื่อการตรวจสอบและกักกันแล้ว หากตรวจพบว่าสินค้าไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ระบุไว้ในใบรับรองสุขอนามัยพืช หรือการปิดผนึกไม่สมบูรณ์ หรือมีการปลอมปนผลไม้จากประเทศอื่น สินค้าจะถูกปฏิเสธการนำเข้าหรือถูกทำลายทิ้ง ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายจะต้อง แจ้งข้อมูลปัญหาการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องให้แต่ละฝ่ายทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสืบค้นหาสาเหตุและกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป
4. ในกรณีที่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง สองฝ่ายสามารถหารือและปรับแก้ไขข้อกำหนดตาม พิธีสารฉบับนี้ได้ โดยพิธีสารฉบับนี้มีผลบังคับใช้ทันทีที่มีการลงนามและมีผลต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี และจะต่ออายุต่อไปอี 3 ปี โดยอัตโนมัติ จนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะมีจดหมายแจ้งความประสงค์ที่จะยกเลิกพิธีสารฉบับนี้ให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบไม่น้อยกว่า 6 เดือนล่วงหน้าก่อนวันหมดอายุ
5. พิธีสารว่าด้วยข้อกำหมดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการขนส่งผลไม้ไทยที่ส่งออก ผ่านประเทศที่สามเข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับลงนามเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2552 และพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับลงนามเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2554 จะถูกยกเลิกเมื่อมีการลงนามพิธีสารฉบับนี้
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 กรกฎาคม 2563